เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรม ว่า เราพยายามจะนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้คุยกับเร็วที่สุด ถ้าเห็นด้วยเหมือนกันก็ไปด้วยกัน ถ้าไม่เห็นด้วยก็ยังไม่ต้องไป ยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องดังกล่าว จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นข้อเสนอจากหัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค ที่แสดงความไม่สบายใจ เราจึงเริ่มต้นคุยเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คิดว่าถ้าถามว่ามีประเด็นปัญหาหรือไม่ และเป็นปัญหาหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมเห็นเหมือนกัน เลยพยายามคุยเรื่องนี้ว่าจะเอาอย่างไร จะเดินอย่างไรทำเมื่อไหร่ ซึ่งต้องรอการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมโดยเร็วที่สุด และก่อนมีการถวายสัตย์ปฏิญาณ มีการพูดคุยกัน เริ่มต้นจากพรรคร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจึงหยิบมาพิจารณา แต่ผลจะเป็นอย่างไรต้องรอพรรคร่วมคุยกันอย่างชัดเจน 

เมื่อถามต่อว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ควรแก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อนแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะถูกมองว่าเป็นการแก้เพื่อตัวเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็คิดไม่ต่างกัน แต่สื่อมวลชนเห็นว่ามีความสำคัญประเด็นจึงเลยไปบ้าง แต่สิ่งที่คิดเหมือนกันคือมันเป็นปัญหา ไม่ใช่เรื่องจริยธรรมอย่างเดียว มีหลายประเด็นหลายอย่าง และหลายเรื่องเราก็จะนำไปสู่การแก้ทั้งฉบับอยู่แล้ว ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ส่วนที่ยังมีความห่วงใยต้องมีการพูดคุยกัน 

เมื่อถามอีกว่าชาวบ้านตั้งคำถามว่า ทำไมต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญไม่แก้ปัญหาให้ชาวบ้านก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้มองเช่นนั้น อย่าเพิ่งสรุป ตอนนี้เราก็แก้ปัญหาให้ชาวบ้านอยู่ การแก้ปัญหาราชการแผ่นดินมีหลายปัญหา บางอย่างทำได้ทันที บางอย่างต้องรอ ตอนนี้ส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาให้ประชาชนก็ทำอยู่ ไม่ใช่ทุกอย่างหยุดแล้วมาแก้ รธน. เรื่องเดียว ต้องเข้าใจตรงนี้ ไม่เช่นนั้นก็สื่อความไม่เข้าใจกันไป 

เมื่อถามย้ำว่าเหตุใดไม่รอให้มีการแก้ประเด็นจริยธรรม ในการแก้ทั้งฉบับด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะสง่างามมากกว่านักการเมืองแก้กันเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดลึกแบบนั้น อะไรที่คิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ และความจำเป็นแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงต้องหารือให้ชัดเจน และทุกอย่างที่แก้ คือผ่านตัวแทนประชาชน และฟังความเห็นมันสง่างามทั้งหมด.