สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่า น.ส.เอลเลน ฮัมโบร ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมนอร์เวย์ กล่าวว่า เนื่องจากปลาแซลมอนที่ว่ายทวนน้ำมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงต้องมีการห้ามตกปลาในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล แต่อาจมีการพิจารณาเปิดให้ตกปลาแซลมอนในภายหลัง หากประชากรของพวกมันกลับมาเพียงพอ

หลังฟักไข่และใช้ชีวิตในน้ำจืดเป็นเวลาหลายปี ปลาแซลมอนจะว่ายลงสู่ทะเล และใช้เวลา 1-3 ปี ก่อนกลับมาที่แม่น้ำเพื่อสืบพันธุ์ และพวกมันมักเป็นเหยื่อของนักตกปลาในช่วงเวลาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จำนวนปลาแซลมอนที่กลับมาวางไข่ในแม่น้ำลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อปี 2564 และ 2566 ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมนอร์เวย์ออกคำสั่ง เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ห้ามไม่ให้ตกปลาแซลมอนตามทะเลและแม่น้ำถึง 33 สาย ตลอดแนวชายฝั่งทางตอนใต้ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน สภาวิทยาศาสตร์ด้านการจัดการปลาแซลมอน ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่จัดตั้งขึ้นโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อม ตำหนิการเลี้ยงแซลมอนในกระชัง ซึ่งมีการติดตั้งบริเวณฟยอร์ด เนื่องจากปลาในฟาร์มที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้แตนทะเลและโรคอื่น ๆ แพร่ระบาด และติดต่อไปยังปลาแซลมอนที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ

นอกจากนั้น เมื่อปลาแซลมอนที่เลี้ยงหนีออกจากกระชัง แล้วไปปะปนกับปลาแซลมอนตามธรรมชาติ จะส่งผลให้องค์ประกอบทางพันธุกรรมของปลาแซลมอนในธรรมชาติอ่อนแอลง

มากไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็มีส่วนในการทำลายห่วงโซ่อาหารของปลาแซลมอน และทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงภัยแล้ง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES