สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่า นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการของยูเอ็น และผู้จัด “การประชุมสุดยอดแห่งอนาคต” เรียกการประชุมครั้งนี้ว่าเป็น “โอกาสครั้งหนึ่งในชั่วอายุคน” ในการปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ด้วยการจุดประกายความร่วมมือระหว่างกันขึ้นใหม่

ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นก่อนที่การอภิปรายทั่วไปของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญ ครั้งที่ 79 จะเริ่มขึ้นในวันอังคารนี้ (24 ก.ย.) บรรดาผู้นำจากหลายสิบประเทศ มารวมตัวกันเพื่อลงนามในข้อตกลงเพื่ออนาคต โดยให้คำมั่นว่าจะเสริมสร้างระบบพหุภาคี เพื่อก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงปกป้องความต้องการและผลประโยชน์ของผู้คนในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเผชิญกับวิกฤติอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ข้อตกลงข้างต้นระบุถึงการดำเนินการ 56 ประการ ไม่ว่าจะเป็น พันธกรณีต่อความร่วมมือระดับพหุภาคี, การสนับสนุนกฎบัตรยูเอ็น และการรักษาสันติภาพ ตลอดจนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ควบคู่กับความพยายามครั้งใหม่ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ, การส่งเสริมการลดอาวุธ และการชี้นำการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

กระนั้น การรับรองข้อตกลงประสบกับความล่าช้าเล็กน้อย เนื่องจากนายเซอร์เก เวอร์ชินิน รมช.การต่างประเทศรัสเซีย เสนอให้มีการแก้ไขข้อตกลง โดยเน้นย้ำถึง “หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐ” และเรียกร้องให้ยูเอ็น หลีกเลี่ยงความพยายามที่ซ้ำซ้อน

แม้การคัดค้านของรัสเซีย ได้รับการสนับสนุนจากประเทศพันธมิตรอย่างเบลารุส, เกาหลีเหนือ, อิหร่าน, นิการากัว และซีเรีย แต่ข้อเสนอแก้ไขก็ถูกปัดตกไปอย่างท่วมท้น ด้วยญัตติไม่ดำเนินการใด ๆ

ระหว่างการเจรจา กูเตร์เรสเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ แสดงวิสัยทัศน์และความกล้าหาญ รวมทั้ง “ความทะเยอทะยานสูงสุด” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสถาบันระหว่างประเทศ ซึ่งประสบปัญหาในการตอบสนองต่อภัยคุกคามในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ.

เครดิตภาพ : AFP