เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 67 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Arak Wongworachat” หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ได้โพสต์เคสผู้ป่วยวัยกลางคนรายหนึ่ง มีก้อนที่ต้นขาข้างขวามาประมาณ 10 ปี และได้รับการผ่าตัด หลังจากผ่าตัดไปประมาณ 5 ปี มีก้อนโตขึ้นมาอีก และมีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ไปรักษา เนื่องจากกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย จึงทำให้มีขนาดโตขึ้นจนเดินไม่ถนัด จนในที่สุดตัดสินใจมาพบแพทย์ และตรวจพบว่าเป็นก้อนไขมันชนิดเซลล์มะเร็ง จึงได้ผ่าตัดอีกครั้ง แต่จำเป็นจะต้องเอากล้ามเนื้อบางส่วน ที่ก้อนเนื้องอกรุกล้ำเข้าไปออกด้วย แต่ยังคงรักษาเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขาเส้นประสาทเอาไว้ ซึ่งการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี และพบว่าก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากกว่า 30 เซนติเมตร น้ำหนักเกือบ 5 กิโลกรัม แพทย์แนะหากคลำแล้วพบก้อนเนื้อผิดปกติ โดยเฉพาะก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับมีอาการต่างๆ ควรรีบพบแพทย์

โดย นพ.อารักษ์ ระบุข้อความว่า เป็นวิทยาทาน เคสน่าสนใจ ผู้ชายวัยกลางคน ให้ประวัติว่ามีก้อนที่ต้นขาข้างขวามาประมาณ 10 ปี เคยไปรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร หลังผ่าตัดไปประมาณ 5 ปี มีก้อนโตขึ้นมาอีก มีขนาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่กล้าไปโรงพยาบาล เพราะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และไม่สะดวกที่จะไปพบแพทย์โรงพยาบาลที่เคยผ่าตัด จึงทำให้โตขึ้นจนเดินไม่ถนัด ใส่กางเกงขายาวก็ลำบาก จะเดินทางไปทำธุระที่ไหนก็ไม่สะดวก กลัวการผ่าตัด แต่ในที่สุดตัดสินใจมาโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ศัลยแพทย์ ส่งตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) สงสัยว่าน่าจะเป็นก้อนไขมันชนิดเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า ไลโปซาร์โคมา จึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมโรคมะเร็ง แนะนำให้ผ่าตัดอีกครั้ง จึงรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลวางแผนผ่าตัด และจำเป็นจะต้องตัดก้อนเนื้อออกให้กว้างขึ้นให้มากที่สุด จำเป็นจะต้องเอากล้ามเนื้อบางส่วนที่ก้อนเนื้องอกรุกล้ำเข้าไปออกด้วย แต่ยังคงรักษาเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขาเส้นประสาทเอาไว้ การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากกว่า 30 เซนติเมตร น้ำหนักเกือบ 5 กิโลกรัม

นอกจากนี้ นพ.อารักษ์ ระบุข้อความอีกว่า ถือเป็นเคสตัวอย่างที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ที่พบไม่บ่อยนัก โดยปกติผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ในขณะที่ก้อน เนื้อโตไม่มากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ป่วยกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และไม่พร้อมที่จะเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลไกลบ้าน ไหนจะค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว การรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน และสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่าย ช่วยเหลือประชาชนได้มาก ข้อแนะนำหากมีอาการพบก้อนเนื้อที่ผิดปกติ ไม่ว่าภายนอก หรือสงสัยว่าอยู่ภายในอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ไม่ควรปล่อยให้ลุกลาม เพราะการรักษาจะมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าปกติ ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง สามารถเข้าถึงการรักษาได้ในโรงพยาบาลของรัฐที่มีขีดความสามารถเพียงพอ

ต่อมา นพ.อารักษ์ ยังอธิบายเพิ่มเติมในคอมเมนต์อีกว่า มะเร็งเซลล์ไขมัน หรือ ไลโปซาร์โคมา (Liposarcoma) เป็นโรคจากเซลล์ไขมันที่เจริญเติบโต แบ่งตัวรวดเร็วเกินปกติมาก และร่างกายควบคุมการแบ่งตัวนี้ไม่ได้ จนในที่สุดเกิดเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง ที่ลุกลามทำลายเซลล์ เนื้อเยื่อต่างๆ ของอวัยวะที่เกิดก้อนมะเร็ง อาจลุกลามเข้าทำลายอวัยวะข้างเคียง เข้าต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง และในที่สุดแพร่กระจายตามกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ที่พบบ่อยคือ ปอด รองลงมาคือ ตับ เนื่องจาก เซลล์ไขมันจัดอยู่ในกลุ่ม เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มะเร็งเนื้อเยื่อไขมันไลโปซาร์โคมาจึงจัดอยู่ในกลุ่มมะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งเป็นมะเร็งกลุ่ม มะเร็งซาร์โคมา พบได้ทุกอวัยวะที่มีเซลล์ เนื้อเยื่อไขมันอยู่ เช่น กล้ามเนื้อ, กระดูก, เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง, อวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง และเยื่อบุช่องท้อง โดยพบบ่อยที่เนื้อเยื่อไขมันที่ต้นขา, กระดูกต้นขา, กระดูกสะโพก และโพรงหลังเยื่อบุช่องท้อง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มะเร็งเซลล์ไขมันไลโปซาร์โคมา พบทั่วโลก แต่พบน้อยมาก ในแต่ละปีพบประมาณ 2.5 รายต่อประชากร 1 ล้านคน พบทุกอายุ แต่พบน้อยในเด็ก มักพบในวัยกลางคนตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ผู้ชายพบบ่อยกว่าผู้หญิงเล็กน้อย ประเทศไทยที่รายงานจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี ค.ศ. 2018 (ผู้ป่วยช่วงปี ค.ศ. 2013-2015) รายงานสถิติเกิดรวมอยู่ในมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนเช่นกัน โดยพบมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนในหญิงไทย 1.4 รายต่อประชากรหญิงไทย 1 แสนคน และชายไทย 1.3 รายต่อประชากรชายไทย 1 แสนคน เมื่อคลำพบก้อนเนื้อผิดปกติ โดยเฉพาะก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ และร่วมกับมีอาการต่างๆ ควรรีบพบแพทย์ มาโรงพยาบาลเพื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นก้อนเนื้อชนิดอะไร เป็นเนื้องอกทั่วไป หรือเนื้องอกไม่ร้ายแรง หรือเป็นเนื้องอกมะเร็ง แนวทางการรักษาในขณะที่ก้อนไม่โตมากจะได้ผลดีกว่ามาก

ขอบคุณข้อมูล : Arak Wongworachat