นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ได้เร่งดำเนินงานการตามนโยบายปราบปรามภัยออนไลน์ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยได้พิจารณามาตรการเร่งด่วน คือ  การแก้กฎหมายเร่งด่วนช่วยผู้เสียหายและป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและเพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และสถาบันการเงิน

“ทางกระทรวง ดีอี ได้เร่งยกร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ฉบับที่ 2 สาระสำคัญคือ การเร่งคืนเงินผู้เสียหาย การเพิ่มสิทธิ์ผู้เสียหายและเพิ่มความรับผิดชอบผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และสถาบันการเงิน   การเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน พรก. การป้องกันการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างผิดกฎหมาย และการระงับการใช้ ซิม ที่ต้องสงสัย โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและบังคับใช้ได้ภายในสิ้นปีนี้”

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน การดำเนินงานถึง 31 ส.ค.67 ระงับบัญชีม้ารวมกว่า 1,000,000 บัญชี   ส่วนการแก้ไขปัญหาซิมม้า และ ซิมม้าที่ผูกกับ โมบาย แบงก์กิ้ง  นั้น สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคมได้ระงับซิมม้าแล้วจำนวนกว่า 2.8 ล้านเลขหมาย  ขณะที่มาตรการคัดกรองผู้ใช้งาน โมบาย แบงก์กิ้ง ที่ต้องสงสัย โดยใช้ระบบคัดกรองผู้ใช้งาน หรือ Sim Screening ตรวจสอบหมายเลขบัตรประชาชนผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์ตรงกับที่ลงทะเบียนกับธนาคารหรือไม่ จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. ในเบื้องต้นประเมินว่า มีผู้ใช้งานโมบาย แบงก์กิ้ง  จำนวน 18 ล้านบัญชี เข้าข่ายต้องตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกหรือต้องทำการยืนยันตัวตนใหม่ ซึ่งจะต้องจัดทำแนวทางดำเนินงานในรายละเอียดต่อไป

“ในภาพรวมจากการดำเนินงานแบบบูรณาการ ส่งผลให้มูลค่าความเสียหายจากคดีออนไลน์ ในเดือนส.ค. 67 ลดลง 36% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเดือน มค. – มิย 67 อย่างไรก็ตาม การปราบปรามจับกุมให้ถึงต้อตอคนร้ายทั้งที่อยู่ในไทยและอยู่ในต่างประเทศยังไม่น่าพอใจ ต้องเร่งรัดการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาสำหรับประชาชนให้เป็นรูปธรรม ” นายประเสริฐ กล่าว