เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ จ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา น.ส.ปาริชาติ นาสิงเตา อายุ 43 ปี และนายอัชฌา โพธิ์ละคร อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของร้านซ่อมโทรศัพท์ เข้าพบ พ.ต.ท.ภานุพงศ์ ชมดารา รอง ผกก.สส.กก.3 บก.ป. หลังค้ำประกันรถให้ตำรวจยศ ร.ต.อ. ตำแหน่ง รอง สว.สส.สภ.ละหานทราย จว.บุรีรัมย์ แล้วไม่มีการจ่ายสักงวด จนถูกยึดบ้าน และกำลังจะถูกยึดที่ดิน

น.ส.ปาริชาติ เปิดเผยว่า เป็นเพื่อนรู้จักกันกับผู้กองและอดีตภรรยาของผู้กอง มาตั้งแต่ปี 43 นานกว่า 20 ปี โดยผู้กอง มาขอให้สามีเซ็นค้ำประกันรถยนต์ที่จะนำเข้าไฟแนนซ์ เมื่อปี 56 ด้วยความเชื่อใจและเห็นว่าเป็นข้าราชการตำรวจ จึงเซ็นให้ จำนวนเงิน 450,000 บาท ต่อมาในปี 58 มาทราบภายหลังว่าทางผู้กองไม่ได้ผ่อนจ่ายรถ เป็นเหตุให้ต้องขึ้นศาลไกล่เกลี่ยกับไฟแนนซ์ ขณะที่ทางผู้กองก็ยืนยันจะรับผิดชอบ จากนั้นไฟแนนซ์ลดหย่อนให้จ่ายเดือนละ 3,500 บาท ซึ่งตนก็เซ็นรับทราบไป

กระทั่งเมื่อปี 65 ได้รับหมายศาลว่าจะถูกยึดบ้านขายทอดตลาด จากกรณีที่ไปเซ็นค้ำประกัน ซึ่งตอนนี้มียอดหนี้ทั้งหมด 1.2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย ทำให้ตกใจมากรีบไปตรวจสอบ พบว่าผู้กองไม่เคยจ่ายสักงวดตั้งแต่ปี 56 และแม้ว่าจะมีคำสั่งศาลให้จ่ายหลังไกล่เกลี่ย ก็ยังไม่ยอมจ่าย จนศาลมายึดบ้าน แต่ผู้กองคนดังกล่าวยังใช้ชีวิตขับรถปกติ ไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร

น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า จึงไปสอบถามผู้กอง แต่ได้รับคำตอบว่า “ก็รอให้ไฟแนนซ์มายึดอยู่ แต่ก็ไม่มาสักที” ซึ่งผู้กองอ้างว่าจะรับผิดชอบ โดยหาเงินมาใช้หนี้ให้ แต่ก็ไม่มาสักที และทำการบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย จึงเคยเข้าไปร้องเรียนกับ ผกก.สภ.ดังกล่าว แต่ทาง ผกก. แจ้งว่าจะไปเจรจาให้ แต่ทางผู้กองก็อ้างว่าจะรับผิดชอบเช่นเดิม

น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า โดยศาลมายึดบ้านขายทอดตลาดไปได้เงินทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาท แต่เมื่อได้เงินมา ก็ต้องนำไปจ่ายค่าบ้านที่ตนไปกู้เงินมาซื้อบ้าน เมื่อหักลบแล้วก็ไม่พอค่าบ้าน และยังไม่ได้ใช้หนี้ค่าไฟแนนซ์ที่ไปค้ำประกันอีกด้วย จึงทำให้ขณะนี้ กรมบังคับคดีจะมายึดที่ดิน 12 ไร่ของตน ไปจ่ายไฟแนนซ์รถ จึงไปขอรถคันดังกล่าวจากผู้กอง เพื่อส่งคืนให้ไฟแนนซ์เพื่อหักดอก ซึ่งเมื่อนำไปหักลบแล้ว ทางไฟแนนซ์ก็แจ้งว่าให้หาเงินมาอีก 6 แสน ก่อนวันที่ 3 ต.ค. เพื่อจะทำการปิดหนี้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นตนจะถูกยึดที่ดิน 12 ไร่

ตนคาดว่าจะหาเงินจำนวน 6 แสนไม่ทัน เนื่องจากตอนนี้เดือดร้อนมาก บ้านไม่มีอยู่ ต้องไปเช่าห้องเล็กๆ อยู่กันในครอบครัว และต้องให้แม่ที่ดูแลไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเพราะนอนไม่พอ จึงมาร้องที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปาริชาติ ได้โทรศัพท์ไปหาผู้กองคนดังกล่าว เพื่อถามความคืบหน้าที่จะรับผิดชอบ แต่ทางผู้กองคนดังกล่าว ก็ตอบเชิงบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการกู้สหกรณ์เพื่อนำเงินมาใช้คืน แต่พอ น.ส.ปาริชาติ ถามย้ำว่าจะได้เงินจริงหรือไม่ ได้เงินเท่าไหร่ ผู้กองก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ ตอบเพียงแค่ว่าจะรับผิดชอบอย่างแน่นอน.