เมื่อวันที่ 22 ก.ย.นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

เพื่อไทยระส่ำ บ่นกันเกลียว**

นักการเมืองพรรคเพื่อไทยกำลังหวั่นผวา ที่ขบวนการนักร้องโหมร้องกระหน่ำไม่เว้นแต่ละวันแต่ละเรื่องล้วนหนักหนาสาหัส ถึงขั้นติดคุกหรือยุบพรรคหรือถอดออกจากตำแหน่งได้ทั้งนั้น

เป็นเรื่องที่น่าห่วงว่าถ้าหากพลาดพลั้งเข้าสักเรื่อง ก็จะมีผลเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง

แต่ปรากฏว่า นับถึงขณะนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถจัดตั้งทีมกฎหมาย ขึ้นมารับมือกับแนวรบนักร้องน้องรัก ที่โหมกระหน่ำตีเข้ามาทุกทิศทางได้เลย

ไม่มีทีมนักกฎหมายที่คอยตอบโต้ชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดกระทั่งรังเกียจ ได้เลย แม้แต่เรื่องเดียว

ไม่ต้องพูดถึงการเตรียมต่อสู้คดี ตั้งแต่ชั้นกกต.หรือป.ป.ช และไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้คดีในชั้นศาล

ที่ผ่านมา 18 ปี พรรคเพื่อไทยก็ปราชัยย่อยยับในแนวรบนี้ ดังนั้นจึงเป็นที่วิตกกังวลกันโดยทั่วไป

หรือว่านี่คือชะตากรรมของพรรคเพื่อไทย ที่มีความถนัดจัดเจนในการช่วงชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ

แต่มีจุดอ่อนในการรักษาอำนาจรัฐ

ในช่วงเวลา 18 ปีที่ผ่านมา จึงถูกรัฐประหารไปแล้วถึง 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคแล้ว 2 ครั้ง นายกรัฐมนตรีของพรรคถูกถอดถอนไปแล้ว 4 คน อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีและ ผู้ปฏิบัติงานของพรรค ถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้วร่วม 30 กว่าคน ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยถอดถอน นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไปหยกๆ และล่าสุดนี้ รัฐบาลนายก

อิ๊งค์ก็พลาดพลั้งผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 162 อย่างชัดเจน คือไม่ได้แถลงว่า รายได้ที่จะนำมาดำเนินนโยบายตามที่แถลงนั้นเอามาจากไหน ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ และมีผู้ไปร้องขอให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรี ทั้ง 35 คนเรียบร้อยแล้ว จนไม่แน่ใจว่าคณะรัฐมนตรีอิ๊งค์จะอยู่ได้อีกสักกี่วัน

นี่แหละที่เขาว่าสวรรค์ทรงความยุติธรรม เมื่อประทานความสามารถในการช่วงชิงอำนาจรัฐมาให้แล้ว ก็ประทานความชิบหายจากการถูกทำลายให้สูญเสียอำนาจรัฐ ชนิดที่ไม่น่าจะเกิดไม่น่าจะเป็นมาพร้อมกันด้วย

นิจจังอนิจจา นิจจังอนิจจาโอ้ยถากรรมชน ชะตากรรมของคนบนฝั่งไม่เคยจีรังยั่งยืน มีเวลาร่าเริงรมย์รื่นก็มีวันคืนฝืนทุกข์ทนเศร้า