น.ส.วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย เปิดเผยว่า ลาซาด้า มีนโยบายดำเนินงาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ คือ 1.ยกระดับประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล เน้นการตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโค้งสุดท้ายของปี จะเสริมความแข็งแกร่งของ ลาซมอลล์ ผ่านการขยายพันธมิตรแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ และรุกเซ็กเมนต์สินค้าลักชูรี 2.ลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี นำเอไอ เข้ามาขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมและฟีเจอร์ต่าง ๆ โดยที่ผ่านมา ลาซเกมส์ ได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากในประเทศไทย โดยมีผู้เล่นเกมกว่า 1 ล้านคนต่อวัน ซึ่งนักช้อปกลุ่มนี้มีการใช้งานแอปพลิเคชันนานกว่าค่าเฉลี่ยของแพลตฟอร์มถึง 3 เท่า และราว 82% กลับมาใช้งานแอปพลิเคชันเป็นประจำทุกวัน

และ 3.ส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพผู้ขายไทย ด้วยการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาโซลูชันการตลาดเพื่อสนับสนุนผู้ขายให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ เช่น เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี เอไอ ช่วยปรับแต่งรูปภาพ เขียนคำอธิบายสินค้า และให้บริการลูกค้า โดยพบว่าสามารถเพิ่มอัตราการซื้อได้กว่า 30%

น.ส.วาริสฐา กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาในการทำธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มา 12 ปี ปัจจุบัน จากการดำเนินธุรกิจใน 6 ประเทศของลาซาด้า กรุ๊ป ที่มีผลเป็นบวกเป็นครั้งแรกในเดือน ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ความสำเร็จดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการก้าวสู่ยุคใหม่ของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ มากกว่าการบรรลุเป้าหมายในระยะสั้น เพื่อมุ่งสู่การเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน

“อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซไทยมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 66 ไทยเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยอัตราการเติบโต 20% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ลาซาด้า ยังเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ 3 ด้าน เพื่อช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผู้ประกอบการไทยมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”