นายอัครา พรหมเผ่า  รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลัง เป็นประธานเปิดงานครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 98 ภายใต้หัวข้อ “98 ปี นวัตกรรมการประมงไทย ก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน”  ว่า ภาคการประมงนับได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการทำการประมงโดยการจับจากธรรมชาติก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชากรของประเทศไทยและประชากรโลก อีกทั้งยังได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาภาคการประมงของไทยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่ไปกับการเพิ่มผลผลิตและฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติให้เกิดความยั่งยืน พร้อมทั้ง สนับสนุนองค์ความรู้จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าประมงไทยตลอดห่วงโซ่การผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งผลให้ในปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการประมงของประเทศไทย ในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 126,240 ล้านบาท และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ถึง 1.47 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 211,280 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น และกรมประมงยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและสนับสนุนความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยผลงานที่ผ่านมาสามารถตอบรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งในเรื่องความมั่นคงด้านอาหารและการผลักดันการเป็นครัวโลกได้ นอกจากนี้ สินค้าประมงยังเป็นสินค้าที่ส่งออกไปทั่วโลก ถือเป็น Soft Power ที่เป็นจุดแข็งของกระทรวงเกษตรฯ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง มุ่งที่จะส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกร ส่งเสริมการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมทางด้านการประมง ทั้งการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกด้วย รวมถึงสินค้าฮาลาล เพื่อส่งออกไปยังประเทศฝั่งตะวันออกกลาง ที่จะเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป”