น.ส.สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แม้จะช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศได้จริง แต่มองว่าเป็นมาตรการยาแรงที่เหมาะกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจท่องเที่ยวทรุดมากกว่า หากรัฐบาลตัดสินใจฟื้นโครงการนี้อีกครั้ง จะต้องดำเนินการให้รอบคอบ ดูระบบเพื่อป้องกันให้ดี มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้เพียงพอเพื่อรองรับการดำเนินโครงการ เพราะที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1-2 จากทั้งหมด 5 เฟส พบการทุจริต มีการดำเนินคดีประมาณ 1,400 คดี โดยในแต่ละคดีมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 ล้านบาท ดังนั้นความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต ประเมินว่าน่าจะมากกว่า 1,400 ล้านบาท และที่ต้องให้มีการวางระบบและมีเจ้าหน้าที่เพียงพอ เพราะบางคดีมีผู้เกี่ยวข้องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบปากคำมากถึง 7,000-8,000 คนแค่ในคดีเดียว ทำให้จนถึงปัจจุบันมีจำนวนคดีที่ปิดคดีได้เพียง 10 คดีเท่านั้น

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างมีความเห็นตรงกันที่จะต้องนำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กลับมากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยอีกครั้ง เพราะเป็นโครงการที่ได้ผลจริง ขอให้ลบความคิดด้านการเมืองไปเลย เพราะอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์เราต้องทำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และยังเป็นแคมเปญที่ช่วยทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการทุกระดับตั้งแต่ร้านส้มตำ ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดเล็กก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย  

“สำหรับผมไม่เขินที่จะนำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งประสบความสำเร็จในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นเครื่องมือที่สามารถกระตุ้นการเดินทางของตลาดไทยเที่ยวไทยได้ทุกระดับ จึงมอบหมายให้ ททท. จัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อเสนอของบประมาณมาดำเนินการ โดยเมื่อเช้าวันที่ 18 ก.ย. นายกฯ แพทองธาร ได้เรียกเพื่อหารือสถานการณ์ท่องเที่ยวและหามาตรการกระตุ้น ก็ได้รายงานว่าจะฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันขึ้นมา ซึ่งทางนายกฯ ก็เห็นด้วย” นายสรวงศ์ กล่าว