กรณีที่วันนี้ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. ได้มีการเรียก พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง หรือ รองฟาง มาให้ถ้อยคำในฐานะผู้ถูกร้องเรียน หลังจากที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ ผบ.ตร. เข้าให้ถ้อยคำกับ ก.ร.ตร. กรณีที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาให้ข้อมูลว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันและส่วย 18 ธุรกิจสีเทา ซึ่งรองฟางนั้น ทนายตั้มระบุว่า เป็นพ่อบ้านคอยเก็บเงินส่วยส่งให้บิ๊กต่อ
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร คณะกรรมการ ก.ร.ตร. ระบุว่า หากรองฟางไม่มาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการในวันนี้ ถือว่าเป็นผลเสียกับตัวผู้ถูกร้องเรียนเอง เพราะคณะกรรมการจะพิจารณาโทษได้ง่ายขึ้น อาจจะมีการพิจารณาไล่ออกจากราชการไว้ก่อนเลยก็ได้ เพราะถือว่าเป็นอุปสรรคในการไต่สวน
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส. และคณะกรรมการ ก.ร.ตร. เปิดเผยว่า วันนี้ทาง ก.ร.ตร. ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ แต่เจ้าตัวไม่มา ซึ่งทางเจ้าตัวได้ขอใช้สิทธิว่าได้ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือมาแล้วจึงไม่มาในวันนี้ จะเป็นเพราะเจ้าตัวอาจจะกลัวหรือคิดว่าสิ่งที่เขาชี้แจงมาเพียงพอแล้วจึงไม่มา แต่ทาง ก.ร.ตร. เห็นว่ายังมีบางประเด็นที่ต้องสอบถามเพิ่มเติม จึงได้เรียกมา ซึ่งวันนี้ไม่มา ก็ต้องเรียกมาอีกครั้ง
ส่วนในขั้นตอนคณะกรรมการฯ จะเรียกมาไต่สวน หรือจะให้ผู้ถูกร้องส่งคำชี้แจงมาก็ได้ ยกตัวอย่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ท่านจะไม่มาก็ได้ จะทำหนังสือชี้แจงมาก็ได้ แต่ท่านเลือกที่จะมาเอง ส่วนที่เรียกมาวันนี้แค่เด็กๆ แต่เป็นตัวสำคัญ ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งก็รอกันมาครึ่งวัน
ส่วนตัวมองว่าเราเป็นข้าราชการตำรวจ เมื่อถูกร้องถูกกล่าวหา ก็ต้องเข้าชี้แจง จะถูกหรือผิดอย่างไร ซึ่งคณะกรรมการได้ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายอยู่แล้ว เมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามา จะไปมองว่าเขาผิดเลยมันก็ไม่ถูกต้อง ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย และที่เจ้าตัวไม่มาในวันนี้ จะไปบอกว่าเขาผิดเลยก็พูดไม่ได้ มันต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
หลังจากนี้ก็จะมีการเรียกให้มาพบเป็นครั้งที่สอง แต่บอกไม่ได้ว่าจะให้มาเมื่อไหร่ ยืนยันว่าถึงแม้จะไม่มา ก็ไม่ทำให้การไต่สวนล่าช้าแต่อย่างใด ถามว่าจะเป็นการตัดตอนไม่ให้โยงถึงคนอื่นหรือไม่ ยืนยันว่าการที่ไม่มา ไม่ได้เป็นการตัดตอน มันอยู่กับคำให้การของเขาจะให้การยังไง จะปฏิเสธก็เป็นสิทธิ แต่พยานหลักฐานเอกสารทางนิติวิทยาศาสตร์มันหนีไม่พ้นอยู่แล้ว.
