สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ว่าที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) มีมติเสียงข้างมาก 124 เสียง เรียกร้องอิสราเอลยุติการยึดครองดินแดนของปาเลสไตน์ ภายในระยะเวลา 12 เดือน และการใช้มาตรการคว่ำบาตรกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม


มติดังกล่าวอ้างอิงตามการให้ความเห็นเชิงปรึกษา “ซึ่งไม่ใช่คำพิพากษา” ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ( ไอซีเจ ) ว่าการขยายอาณาเขตของอิสราเอลเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา “คือการยึดครอง” และ “ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ”


อนึ่ง อิสราเอลยึดครองเขตเวสต์แบงก์ ฉนวนกาซา และฝั่งตะวันออกของนครเยรูซาเลม หลังชนะสงครามหกวัน เมื่อปี 2510 แม้ถอนทหารออกจากฉนวนกาซา เมื่อปี 2548 แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลยังคงควบคุมพรมแดนฉนวนกาซาและจุดผ่านแดนส่วนที่ติดกับอียิปต์


ทั้งนี้ มี 14 ประเทศคัดค้าน นำโดยสหรัฐและอิสราเอล ละ 43 ประเทศงดออกเสียง ส่วนสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ทั้ง 10 ประเทศ ลงมติสนับสนุน


ด้านนายริยาด มานซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า มติครั้งนี้ของยูเอ็นจีเอ “คือประวัติศาสตร์” แม้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลออกแถลงการณ์ ประณามการลงมติครั้งนี้ว่า “เป็นการเมืองระหว่างประเทศเชิงเหยียดหยาม” “ไม่อ้างอิงตามความเป็นจริง” และ “กระตุ้นการก่อการร้าย”.

เครดิตภาพ : AFP