เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ในการประชุมรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายตอนหนึ่ง ว่า ในเรื่องนโยบายการกระจายอำนาจ ปลดล็อก กทม. ซึ่งรัฐบาลและโครงสร้างรัฐรวมศูนย์เป็นตัวถ่วงความเจริญและถ่วงรั้งคน กทม. ไม่ให้พัฒนา  ทั้งนี้ 5 ปัญหาเรื้อรังของคน กทม. คือ 1.การจราจร ที่ตำรวจจราจรไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของ กทม. จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหารถติดได้ รวมถึงสาเหตุการคมนาคมที่ไม่มีรอยต่อการเชื่อม ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน ไม่มีตั๋วร่วม ทั้งที่เป็นหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แต่ผลงานเดียวคือนำภาษีไปอุดหนุนค่าโดยสารแบบอัฐยายซื้อขนมยาย  แต่ไม่มีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง

นายศุภณัฐ กล่าวว่า 2.น้ำท่วม น้ำรอระบาย น้ำทะเลหนุนสูง แม้จะให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการลอกท่อแต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ทำได้เพียงร้อยละ 70  ด้วยไม่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยี ขณะที่ภาคเอกชนทำได้ร้อยละ 90  3.ก่อสร้างไม่จบ ขุดแล้วขุดอีก ตกท่อ ถนนทรุด  4.สายสื่อสาร มาจากผู้ประกอบการโทรคมนาคมพาดสายทิ้งบนเสาพัก เอกชนยังลักลอบพาดสายบนเสาของการไฟฟ้า เปรียบเป็นเม็ดเงินกว่า 50 ล้านบาทต่อปีที่ถูกปล้นไป วันนี้ที่นายกรัฐมนตรีต้องเคลียร์คือการติดตามค่าเช่าพาดสาย เพื่อแก้ไขปัญหาสายสื่อสารในอนาคต

นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า 5.ที่อยู่อาศัยราคาแพง การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติที่ซื้อผ่านนอมินี ที่โยงไปถึงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย เว็บพนัน บ่อน ค้ายา ฟอกเงิน ยกนโยบายรัฐบาลชุดก่อน “ทรัพย์อิงสิทธิ 99 ปี” หรือให้ต่างชาติถืออาคารชุดคอนโดฯ ร้อยละ 75 โดยตอนนี้รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ก่อนที่จะเสนอทางแก้ที่อยู่อาศัยแพงคือให้ปรับปรุงกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การประเมินราคาที่ดิน การเปิดเผยข้อมูลราคาซื้อที่ดินย้อนหลัง การจัดรูปที่ดิน เพื่อเกิดการใช้ที่ดินให้มีประสิทธิภาพ และการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดกิจการเชิงพาณิชย์

“นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฝั่งซัพพลายไซด์ที่รัฐบาลไม่เคยคิดจะแก้ สนใจอย่างเดียวคือกระตุ้นให้คนไปซื้อบ้าน อยากจะระบายบ้านอย่างเดียวเป็นหลัก จนกระทั่งเค้าเป็นหนี้และผ่อนไม่ไหว ที่เสนอไปเป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างระยะยาว เพียงแต่ว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องให้ความสำคัญจริงจังกับการแก้ไขปัญหาระยะยาวไม่ใช่การแก้ไขปัญหาฉาบฉวย” นายศุภณัฐกล่าว

นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า กทม.ไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้เนื่องจากยังมีโซ่ตรวนล็อกคอคน กทม.จากรัฐบาล ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องกระจายอำนาจและถ่ายโอนภารกิจให้กับ กทม. อย่างเต็มตัว และนำโมเดลไปใช้ในการกระจายอำนาจผลักดันจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ.