สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า การเดินทางเยือนอิรัก เป็นเวลา 3 วัน ของเปเซชเคียน เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายในตะวันออกกลาง อันเกิดจากสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งนายโมฮาเหม็ด เชีย อัล-ซูดานี นายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับเปเซชเคียนว่า รัฐบาลของทั้งสองประเทศ คัดค้านการขยายสงครามระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส

“จากสถานการณ์ที่ภูมิภาคแห่งนี้กำลังเผชิญอยู่ เราได้พูดถึงความสำคัญของเสถียรภาพเป็นอย่างมาก” ซูดานี กล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับชี้ว่า อิสราเอลเป็นผู้ทำให้สงครามในภูมิภาคขยายวงกว้าง ขณะที่เปเซชเคียนประกาศว่า อิหร่านและอิรัก ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ 14 ฉบับ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่าน (ซ้าย) และนายโมฮาเหม็ด เชีย อัล-ซูดานี นายกรัฐมนตรีอิรัก (ขวา) เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างอิรักและอิหร่าน ที่ทำเนียบรัฐบาลอิรัก ในกรุงแบกแดด

ทั้งนี้ เปเซชเคียนให้คำมั่นว่า จะให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเขาต้องการบรรเทาความโดดเดี่ยวระหว่างประเทศของอิหร่าน และลดผลกระทบจากการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนอิรัก เกิดขึ้นหลังมหาอำนาจตะวันตก ประกาศการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในกรณีการจัดหาขีปนาวุธพิสัยใกล้ให้กับรัสเซีย สำหรับการใช้งานเพื่อโจมตียูเครน

ด้านนายอาลี อัล-ไบดาร์ นักรัฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์ชาวอิรัก กล่าวว่า การขยายความสัมพันธ์ทางการค้า เป็นเป้าหมายหลักในการเดินทางเยือนของเปเซชเคียน เนื่องจากอิหร่านต้องการตลาดอิรัก สำหรับการส่งออก และการนำเข้าพลังงาน

อนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและอิรัก ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชีอะห์ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐดำเนินปฏิบัติการในอิรัก เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2546.

เครดิตภาพ : AFP