แม้ทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีนโยบายใดบ้าง? ที่ออกมารับแนวความคิดนี้อย่างชัดเจน นอกเหนือไปจากโครงการ “เอนเทอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์”
หากจำเรื่องของ “หวยบนดิน” กันได้ อันนี้ก็ต้องให้เครดิตกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทำคลอดเรื่องนี้ออกมาในสมัยที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี แม้สุดท้ายแล้วด้วยเหตุผลทางการเมือง ทุกคนที่เกี่ยวข้องต่างทุกไล่เช็กบิล ไม่เว้นแต่นายทักษิณ เอง
การออกหวยบนดินรวม 80 งวดตั้งแต่ปี 46-49 นั้นสามารถดึงดูดรายได้ที่เคยหมกเม็ดอยู่ใต้ดินในรูปแบบของหวยใต้ดิน ให้ขึ้นมาอยู่บนดินได้ รวมเบ็ดเสร็จราาว ๆ 2.88 แสนล้านบาท
การขายหวยบนดินในปี 46 มีรายได้รวมถึง 36,692 ล้านบาท ก่อนทะยานเพิ่มขึ้นอีก 108% ในปี 47 ด้วยยอดขาย 76,429 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีกในปี 48 ที่มียอดขาย 82,718 ล้านบาท ขณะที่ปี 49 ยอดขายยังเพิ่มขึ้นอีกโดยอยู่ที่ 92,764 ล้านบาท
แม้ยอดขายที่ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเศรษฐกิจนอกระบบ แต่ก็ทำให้เห็นว่าหากมี “ช่องทาง” ผลักดันให้เรื่องของการพนันนอกระบบ หรือเศรษฐกิจนอกระบบ กลับมาขึ้นมาอยู่ระบบตามทิศทางที่ควรจะเป็น ก็ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ไม่น้อย
การที่”ทักษิณ ชินวัตร” ได้นำเรื่องของเศรษฐกิจนอกระบบ มาโยนหินถามทางอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมองข้ามไปได้ โดย”ทักษิณ” บอกว่า เศรษฐกิจในระบบของไทยมีไม่ถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจนอกระบบ
ทุกวันนี้จีดีพีของไทย อยู่ที่ประมาณ 18-19 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่าปริมาณของเศรษฐกิจนอกระบบนั้นมีจำนวนที่ใหญ่มาก หากนำเศรษฐกิจนอกระบบหรือเศรษฐกิจใต้ดิน กลับขึ้นมาอยู่บนดิน ให้ได้แค่ 50% นั่นก็เท่ากับว่าจะทำให้จีดีพีไทยขยายตัวได้อีกอย่างน้อย 50% ของที่เป็นอยู่
นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังบอกว่า ทุกวันนี้การพนันออนไลน์ ก็มียอดฝากมากถึง 3 ล้านล้านต่อปี และทำให้คนไทยขาดทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท
ในเรื่องนี้หากมีการเก็บภาษี 30% ก็จะทำให้ได้เงินถึง 30,000 ล้านบาท และสามารถนำเอาภาษีที่ได้จากตรงนี้ ส่งเด็กไทยไปเรียนต่างประเทศ หรือจ้างครูเก่ง ๆ จากต่างประเทศมาสอนนักเรียนในประเทศได้
ขณะที่เรื่องของเอนเทอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ในอดีต ถูกต่อต้านมาก แต่ในเวลานี้ก็มีคนเห็นด้วยจำนวนไม่น้อย เพราะจะมีกาสิโนเพียงแค่ 10% แต่มีในส่วนอื่น ๆ เช่น สวนสนุก และโรงแรม และถ้าลงทุนในกทม.ก็ต้องใช้เงินกว่า 1 แสนล้านบาท ในแต่ละแห่ง ส่วนในต่างจังหวัดต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
ด้วยจำนวนเงินมหาศาล หากเร่งเครื่องเดินหน้า ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลภายใต้การนำของนายน้อยอย่าง แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังมีเวลาอีก 3 ปีจนครบวาระรัฐบาล
จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่กฎหมายเอนเทอร์เทนเมนท์ฯ จะออกมาได้โดยไว ซึ่งในวันที่ 10 ก.ย.นี้ กระทรวงการคลัง ผู้เป็นเจ้าภาพในการจัดทำกฎหมาย ก็นัดถกผู้ที่เกี่ยวข้อง หลังเปิดรับฟังความเห็นต่อสาธารณะ
เป้าหมายก็คือ นำความเห็นต่างๆที่ได้มาปรับปรุง ตบแต่ง ก่อนส่งต่อให้ครม.ชุดใหม่ และเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา เพื่อผลักดันให้กฎหมายนี้เกิดขึ้นให้ได้
อย่าลืมว่า เม็ดเงินที่เห็น ไม่ว่าจะมาจากเงินลงทุน ไม่ว่าจะมาจากการพลิกให้เงินใต้ดินมาอยู่บนดิน หรือเงินสะพัด จากการท่องเที่ยว จากการใช้จ่าย จากการเกิดธุรกิจและบริการต่อเนื่อง อีกมากมายที่จะตามมา มีจำนวนมหาศาล!!
หากทำได้จริง ดีจริง เศรษฐกิจไทยก็จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยวางไว้ที่ระดับ 5% ต่อปี ก็มีโอกาสได้เห็นแน่ ๆ แต่ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง และรวดเร็ว
ปัญหา!! อยู่ที่ว่า เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย จะทำได้มากน้อยเพียงใด จะมีการ “หลิ่วตา-ขยิบตา” กันมากน้อยแค่ไหน ใครที่มีหน้าที่ตรงนี้ ก็ต้องเข้มงวด และบังคับใช้กฎหมายจริงจัง
ขณะเดียวกัน “เศรษฐกิจนอกระบบ” ก็ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การพนันนอกระบบ เท่านั้น ยังมีธุรกิจที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการเสียภาษีที่ถูกต้อง อีกจำนวนไม่น้อย
เอาเป็นว่า…หากรัฐบาลสามารถเดินหน้าและขับเคลื่อนได้จริง ได้ไว ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เชื่อเถอะ “คะแนนเสียง” จะตามมาอีกจำนวนไม่น้อย
หากทำได้ เผลอ ๆ สิ่งที่ นายกฯแพทองธาร ปรารถไว้ว่าถ้าได้คะแนนเสียงเท่าที่คุณพ่อเคยทำไว้ที่ 377 เสียง ก็เป็นเรื่องดี ซึ่งตรงนี้อาจไม่ใช่เรื่องยาก
แต่!! หนทางการเมืองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือฝันหวาน เพราะต่างเต็มไปด้วยตัวแปรสำคัญสารพัด ณ เวลานี้ ความชัดเจนในการแก้เศรษฐกิจนอกระบบ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป !!
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”