เมื่อประมาณ 15 ปีก่อนมีภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากเรื่อง “Orphan” ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่รับอุปการะ “เอสเธอร์” เด็กหญิงกำพร้าวัย 9 ขวบจากรัสเซีย ก่อนจะพบในภายหลังว่าเธอมีความลับดำมืดซ่อนอยู่ และเธอไม่ใช่ “เด็ก” อย่างที่แกล้งทำเพื่อตบตาทุกคน

เอสเธอร์เป็นหญิงสาวอายุ 33 ปีที่ป่วยเป็นโรคประหลาด ทำให้ร่างกายของเธอไม่เติบโตตามวัย ความลับของเธอถูกเปิดเผยระหว่างที่เธอพยายาม “กำจัด” สมาชิกในครอบครัวที่รับอุปการะเธอ

พล็อตของหนังเรื่องนี้มาจากเรื่องจริงจากคดีของ บาร์โบรา สเคอร์โลวา แต่เป็นเพียงการหยิบแนวคิดหลักมาใช้ ซึ่งก็คือตัวเอกที่เป็นผู้ใหญ่ที่ปลอมตัวเป็นเด็กและมีพฤติกรรมแอบแฝงที่น่าสะเทือนขวัญไม่แพ้ตัวเอกในหนัง

บาร์โบรา สเคอร์โลวา เป็นหญิงสาววัย 33 ปีจากประเทศสาธารณรัฐเชก เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 

สเคอร์โลวาไม่ได้แค่ปลอมตัวเป็นเด็กกำพร้า แต่เธอยังเข้าครอบงำครอบครัวชาวเชกที่รับเลี้ยงเธอ หญิงสาวเป่าหูบรรดาผู้หญิงในครอบครัวให้จับเด็กผู้ชายในบ้านล่ามโซ่และปล่อยให้อดอาหาร

บาร์โบรา สเคอร์โลวา

เมื่อเรื่องเลวร้ายนี้โดนเปิดโปงขึ้น สเคอร์โลวาก็หลบหนีการจับกุมของตำรวจในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีทำร้ายร่างกายผู้เยาว์ออกไปนอกประเทศ

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่โดนเปิดโปง เจ้าหน้าที่ตำรวจเชกได้บุกเข้าค้นบ้านในเมืองเบอร์โน หลังจากได้เบาะแสมาโดยบังเอิญว่ามีเด็กโดนทารุณกรรมอยู่ในละแวกนั้น 

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวเด็กชายวัย 8 ขวบ 1 คน ผู้หญิง 2 คนและมีผู้หญิงวัย 33 ปีอีกคนหนึ่งซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเธอเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปีชื่อว่า อนิคกา

เด็กชายวัย 8 ขวบโดนล่ามโซ่อยู่ในห้องขังเล็ก ๆ ภายในบ้าน คนที่ล่ามโซ่เขาไว้คือ คลารา มอโรวา แม่ของเขาเอง

ตอนที่มอโรวาขึ้นศาลในปี 2551 เธออ้างว่าเธอโดนหลอกให้ทำร้ายลูกชายวัย 8 ขวบ 10 ขวบของตัวเอง โดยคนที่หลอกลวงคือคาเทอรีนา พี่สาวของเธอและสเคอร์โลวา ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของลัทธิ “เกรล มูฟเมนต์” ทั้งคู่มีหน้าที่ล้างสมองและครอบงำความคิดของเธอ

สเคอร์โลวาหลบหนีการจับกุมของตำรวจในเชก ออกนอกประเทศไปยังนอร์เวย์ได้สำเร็จ โดยได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกของลัทธิเกรลมูฟเมนต์เช่นกัน เธอปลอมตัวเป็นเด็กชายวัยรุ่นอายุ 13 ปี และอ้างว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการทารุณกรรม

สเคอร์โลวาหลอกใคร ๆ ว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กที่ตกเป็นเหยื่อการทารุณกรรม

ครอบครัวที่ช่วยเหลือสเคอร์โลวาไม่เพียงให้เธอใช้ชื่อของลูกชายตัวจริงของพวกเขาว่า “อดัม” แต่ยังให้เธอใช้เอกสารประจำตัวของลูกชายด้วย เธอจึงออกนอกประเทศได้อย่างราบรื่น

สเคอร์โลวาซึ่งมีส่วนสูงไม่ถึง 160 ซม. เนื่องจากป่วยเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายของเธอเติบโตช้ากว่าวัย เธอโกนศีรษะจนล้านเลี่ยน ใช้ผ้ารัดหน้าอก เพื่อปลอมตัวเป็นเด็กชาย เมื่อไปถึงนอร์เวย์พร้อมกับพ่อของอดัม เธอก็เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงออสโลอยู่ 2-3 เดือนก่อนจะหายตัวไป

สเคอร์โลวาโกนศีรษะเพื่อปลอมตัวเป็นเเด็กชาย

ครูใหญ่ของโรงเรียนนั้นก็เคยให้ข้อมูลว่าเด็กชายอดัมดู “แปลก” และมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะเขายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น

ในวันที่ 16 ธันวาคม 2550 “อดัม” หายตัวไปจากบ้านที่รับอุปการะเขาไว้ จากนั้นเขาก็โดนจับกุมในวันที่ 5 มกราคมของปีถัดมา เขาถูกส่งตัวไปตรวจสอบดีเอ็นเอ และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ชี้ชัดว่า อดัมก็คือสเคอร์โลวา ผู้ต้องสงสัยคดีทำร้ายร่างกายผู้เยาว์จากประเทศเชก

หลังจากโดนจับกุมและส่งตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีในปี 2551 สเคอร์โลวาก็โดนตัดสินให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี แต่เธอได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดในปี 2554 หลังจากที่ทนายความของเธอยื่นคำร้องขอผ่อนผัน โดยอ้างว่าสุขภาพจิตของเธอทรุดลงอย่างหนัก

หลังจากออกจากเรือนจำ สเคอร์โลวาก็หายตัวไป ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนกันแน่ 

ที่มาและเครดิตภาพ : ladbible.com