ก่อนหน้านี้ช่วงต้นเดือน ก.. ที่ผ่านมา สังคมไทยได้ออกมารณรงค์ร่วมกันลงชื่อ #Saveทับลาน คัดค้านการเพิกถอน หลังจากมี การปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี พ.. 2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2566 เพื่อกำหนดพื้นที่เป็น อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี, .นครราชสีมา และ จ.สระแก้ว ให้เป็นไปตาม แผนที่ ONE MAP อาจต้องเฉือนพื้นที่ของอุทยานฯ มากถึง 2.6 แสนไร่ ให้กลายเป็นของ ส...

ในพื้นที่ดังกล่าว มีทั้ง กลุ่มชาวบ้านที่อยู่อาศัยอยู่เดิม จากการจัดสรรพื้นที่, กลุ่มคนที่มาซื้อต่อ เป็นมือที่ 2 มือที่ 3 รวมถึง กลุ่มรีสอร์ทนายทุน ที่ถูกดำเนินคดีกว่า 12,000 ไร่ หลายฝ่ายจึงกังวลหากการเพิกถอนฯสำเร็จ “กลุ่มนายทุนใหญ่” จะได้ประโยชน์มากกว่าชาวบ้าน นอกจากนี้จะกลายเป็นโมเดลทำให้เกิดการเพิกถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์แห่งอื่น ๆ อีก

เรื่องราว #Saveทับลาน ยังไม่ทันจะผ่านพ้นไป! ล่าสุดกำลังมีความพยายามจะ ออกกฎหมาย เพื่อนิรโทษกรรมผู้ที่บุกรุกป่าและที่ดินของรัฐ มีอยู่ด้วยกัน 2 ฉบับ คือ 1.ร่างพระราชบัญญัติ (...) นิรโทษกรรมและล้างมลทินแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามกฎหมาย และนโยบายของรัฐด้านป่าไม้ และที่ดิน พ.ศ. … ร่างดังกล่าวนี้ เสนอขึ้นโดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ นำเสนอให้ทางกระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ และ2.ร่างพ...คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเจ้าภาพ

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต้องเป็นหัวหอกออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะเห็นว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ จะส่งผลเสียอย่างมหาศาลแน่นอน โดยจะทำให้ กลุ่มผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐ ครอบครองที่ดินได้ถูกต้อง รวมไปถึง กลุ่มนายทุน ที่บุกรุกที่ดินทั้งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติด้วย เนื่องจากตัวร่างกฎหมาย ระบุถึงการครอบครองตั้งแต่ก่อนประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติถึงปัจจุบัน

หากกฎหมายนี้ผ่านไปได้จริง รัฐจะสูญเสียผืนป่าที่ถูกบุกรุก ทั้งจากกลุ่มนายทุน และกลุ่มผู้บุกรุกใหม่!!

ที่สำคัญผลพวงปัญหาใหญ่อีกอย่าง ที่จะเกิดติดตามมาแน่นอน คือความเหลื่อมล้ำในสังคม ปัจจุบันยังมีชาวบ้านในเมืองอีกมากมาย ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง แต่ทุกคนต่างต้องดิ้นรนทำงานยากลำบากเพื่อหาเงินซื้อที่ดิน ต่างจาก กลุ่มคนที่ฉวยโอกาส เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่านอกจากจะไม่มีความผิดถ้าได้รับการนิรโทษแล้ว ยังได้ที่ดินมาฟรีๆหากกฎหมายผ่านจริง

ทั้งที่กรมอุทยานฯ พยายามแก้ปัญหาดูแลให้คนสามารถอยู่กับป่าได้ กลุ่มชาวบ้านที่อยู่มาก่อนประกาศเขตป่า หากพิสูจน์สิทธิได้ก็กันที่ออกให้ หรือการให้เข้าไปทำกินได้ในพื้นที่ที่กำหนด โดยทำกินได้ตลอดชีวิต อีกทั้งยังให้ลูกหลานทำกินต่อไปได้ทุกชั่วอายุคน ขอเพียงอย่าเปลี่ยนมือ อย่าเอาไปขาย ขณะที่ความเป็นจริงมีหลายคนนำเอาที่ดินไปขายแบบปากเปล่าให้ กลุ่มนายทุน จากพื้นที่ทำกินกลายสภาพเป็น บ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท จำนวนมาก นายทุนใช้ชาวบ้านเป็นนอมินี

เมื่อมีความพยายามผลักดันกฎหมายฉบับนี้ ให้ประกาศใช้ได้จริง สิ่งที่จะเกิดตามมา 40,000 กว่าคดี” ปัญหาบุกรุกพื้นที่ดินในผืนป่าทั้งของกรมอุทยานฯ-กรมป่าไม้กำลังดำเนินการอยู่ จะหลุดพ้นความผิดทั้งหมดเพราะได้รับการนิรโทษ

ถ้ากล้าฝืนกระแสสังคม ลักไก่นิรโทษกรรม คดีรุกป่ากันแบบยกเข่ง!! ทำให้ “กลุ่มนายทุน” ที่เอาเปรียบสังคมเข้าไปสร้างโรงแรม-รีสอร์ทได้ล้างมลทินไปด้วย รัฐบาลเศรษฐาคงต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบจะเลือกข้างนายทุนหรือเลือกความถูกต้อง!!.

………………………………
เชิงผา

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…