นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าตลาดการท่องเที่ยวฮาลาลกำลังเติบโตอย่างน่าจับตามอง ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวฮาลาล ก็คือการเติบโตของชนชั้นกลางชาวมุสลิมที่มีรายได้สูงจากขยายตัวทางเศรษฐกิจนำมาสู่การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สินค้าท่องเที่ยวฮาลาลและกิจกรรมที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิมเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทสำรวจข้อมูลด้านการตลาดชั้นนำระดับโลก Credence Research, Inc ได้รายงานข้อมูลตลาดการท่องเที่ยวฮาลาลทั่วโลกโดยพบว่า กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 245.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9 ล้านล้านบาทในปี 2565 เป็น 324.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12 ล้านล้านบาทภายในปี 2573
นอกจากนี้ ผลการสำรวจดัชนีการท่องเที่ยวของชาวมุสลิมทั่วโลกประจำปี 2567 โดย The Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index หรือ GMTI 2024 ยังระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับที่ 32 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมุสลิม และอันดับ 5 ในหมวดกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม (Non-OIC) ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มุ่งเน้นการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวเที่ยวมุสลิมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีบริการอาหารฮาลาลที่พักที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม และห้องละหมาดตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
นายอภิชัย กล่าวด้วยว่า จากการติดตามข้อมูลในเชิงลึก พบว่าในกลุ่มนักเดินทางมุสลิมเป็นสตรีถึง 45% ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการเดินทาง ค้นคว้าข้อมูลท่องเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่น โรงแรมที่สะดวกสบาย และกิจกรรมตามฤดูกาลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผ่านคำแนะนำจากเพื่อนและญาติ กอปรกับการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ แอปพลิเคชันค้นหาที่เที่ยว ร้านอาหาร ซึ่งมีฟีเจอร์พิเศษในการระบุทิศทางและเวลาละหมาดที่เม่นยำพร้อมด้วยประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริง ทำให้นักเดินทางชาวมุสลิมสามารถค้นหา จองที่พัก เที่ยวบิน และบริการท่องเที่ยวฮาลาลได้สะดวก ประกอบกับรีวิว และการให้คะแนนจากผู้ใช้จริง ยิ่งช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
โดยข้อมูลดังกล่าว นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในการปรับตัวสู่จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางชาวมุสลิมทั่วโลกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่สนใจตลาดการท่องเที่ยวฮาลาลจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล เทรนด์ความสนใจของนักเดินทางในกลุ่มนี้ เพื่อนำข้อมูลมาใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์การให้บริการ และข้อเสนอต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมได้ตรงความต้องการยิ่งขึ้น
สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวที่อยู่ในความสนใจของชาวมุสลิมที่สำรวจได้มีดังนี้
1. ท่องเที่ยวแบบครอบครัวและหมู่คณะ
ชาวมุสลิมนิยมเดินทางเป็นครอบครัว หรือคณะใหญ่ ที่พักที่มีความพร้อมในการรองรับ ตลอดจนกิจกรรมท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวและให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับเด็กๆ และสตรี จะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
2. ท่องเที่ยวมรดกทางวัฒนธรรมอิสลาม
แหล่งท่องเที่ยวมรดกทางวัฒนธรรมอิสลามอันมั่งคั่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวเหล่านี้สนใจเข้าชมสำรวจสถานที่ทางประวัติศาสตร์ มัสยิด และพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความศรัทธา และประวัติศาสตร์ของชาวมุสลิม
3. ท่องเที่ยวธรรมชาติ และผจญภัย
การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และกิจกรรมผจญภัยกำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะทัวร์ผจญภัยที่จัดอย่างเข้าใจ และเคารพประเพณีทางศาสนาได้นำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ เช่น การตั้งแคมป์แบบฮาลาล การเดินป่า ซาฟารีสัตว์ป่า และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
4. ท่องเที่ยวสายสุขภาพ และสปาฮาลาล
ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพฮาลาล คือการปรับตัวรองรับการขยายตัวของกลุ่มมุสลิม สปา และบริการด้านสุขภาพพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานฮาลาล ตลอดจนสปาสำหรับสตรีสามารถ ตอบสนองนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมที่แสวงหาความผ่อนคลาย และการฟื้นฟูสุขภาพ
5. ท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นกระแสสากลสอดคล้องกับหลักการอิสลาม และกำลังเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ชาวมุสลิม จุดหมายปลายทางและที่พักที่มีแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนจึงเป็นอีกเหตุผลในการตัดสินใจเลือก ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวฮาลาลเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ
6. ท่องเที่ยวเชิงศรัทธา และพหุวัฒนธรรม
นักเดินทางชาวมุสลิมกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะอิสลาม การแสวงหาประสบการณ์ใหม่แห่งศรัทธา และพหุวัฒนธรรมได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
“การท่องเที่ยวฮาลาลมีความคุ้มค่าที่น่าลงทุนในการสร้างจุดขายพิเศษให้โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อให้เป็นที่หนึ่งในใจของนักเดินทางชาวมุสลิม” รองผู้ว่าการ ททท. กล่าว