จากกีฬาความหวังของคนไทยในโอลิมปิก ไม่น่าเชื่อว่าทีมมวยสากลชาย จะไม่ได้เหรียญใดๆ ในโอลิมปิกเกมส์ มาถึง 12 ปีแล้ว นับจากเหรียญเงินของ แก้ว พงษ์ประยูร ในลอนดอน 2012

และจะรออีกอย่างน้อยรวมเป็น 16 ปี หลังจาก “เจ้าลาด” บรรจง สินศิริ นักชกวัย 31 ปี จาก อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ขึ้นเวทีรุ่น 63.5 กก. ชาย รอบ 8 คนสุดท้าย แพ้ นักชกคิวบา เอริสแลนดี อัลวาเรซ 0-5 เสียง

ต้องยอมรับว่า กระดูกคนละเบอร์ อัลวาเรซ แข็งแกร่ง มีหมัดชุด ส่วน บรรจง พอยื้อได้ พอตื๊อได้ แต่ชนๆ มากๆ ก็โดนจุดสลบ

การตกเป็นรองตั้งแต่ยกแรก ทำให้เสียท่า บีบตัวเองให้ลุยมากขึ้น กลายเป็นเข้าทาง และนาทีสุดท้ายของยก 2 อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นปัจจัยสำคัญ

จบยก 2 ตาม 4 เสียง ก็จบข่าว ต้องน็อกเท่านั้น และก็ยากเกินไป ยิ่งเดินยิ่งโดน

หลังจบเกม บรรจง ค่อนข้างทำใจ เข้าใจกับสถานการณ์ ทำดีที่สุดแล้ว ทุ่มเทที่สุดแล้ว

“ผมทำเต็มที่แล้วสุดความสามารถ มันถึงแค่นี้จริงๆ”

ชีวิตนักมวยวัย 31 ปี ซ้อมหนัก เจ็บตัว กินก็ไม่ได้ มันน่าจะมาถึงสุดทาง

ขอซีเกมส์อีกสักครั้ง กับความหวังเหรียญทองในไทย เก็บเงินอัดฉีดเข้ากระเป๋าเป็นทุน

ส่วนโค้ชทีมกำปั้นชายไทย ก็ยอมรับว่าในความเป็นมวยสมัครเล่น อัลวาเรซ ดีกว่า!

“ขอโทษพี่น้องชาวไทย เราทำเต็มที่แล้ว ที่ทำทีมไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ แต่ถามว่าล้มเหลวไหม คิดว่าไม่ล้มเหลว เพราะรูปแบบการแข่งขันปรับเปลี่ยนไป สมัยก่อน 1 พอยต์ นี่ 10 พอยต์ (จากนับคะแนนทีละหมัด เป็นให้คะแนนเมื่อครบยก)”

อนาคตแล้วแต่ผู้บริหาร แต่พร้อมพิจารณาตัวเอง

ต้องยอมรับว่า ทีมมวยชายไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กับผลงานครั้งนี้ที่เอาตรงๆ ก็ดูไม่มีแววเลย และทางโค้ชเองก็บอกว่า จับทางไม่ถูกว่ากรรมการชอบนักชกสไตล์ไหน

ทำไมถึงจับทางไม่ถูก ทำการบ้านกันอย่างไร

ทีมมวยชุดนี้ เก็บตัวมาพอสมควร แต่จะว่ากันตรงๆ ในภาพที่จินตนาการว่าจะได้เหรียญมาบ้างนั้น ก็ไม่ได้เห็นนักกีฬาคนไหนที่มีโอกาสชัดเจน

และผลงานที่ไปก็เหมือน “ไม้ประดับ” อาจจะฟังดูโหดร้าย

ทำไมเราถึงไม่มีนักมวยที่เก่งพอจะฝากความหวังไว้จริงๆ จังๆ เหมือนกับมวยในยุคก่อน “ลอนดอน 2012” ที่ชี้ตัวได้เลย ใครมีลุ้น คนนี้ต้องได้

บุคลาการนักมวยมีคุณภาพมากพอ หรือผลิตมามากพอหรือไม่

ในเรื่องนี้ เมื่อนักข่าวสอบถามทีมงาน ก็มีอาการอ้ำอึ้ง เหมือนไม่อยากไปแตะ

คำถามว่า ทรัพยากรที่มีตอนนี้ มันยากไหมที่จะกลับไปอยู่ในจุดเดิม คำตอบคือ “ตอนนี้ผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก ถ้าพูดไปเดือนหนึ่งก็ไม่จบ”

และพูดๆ ไป เหมือนอยากจะหลุดออกมา “คือชั่วโมงนี้……..ผมขอพูดแค่นี้ พูดอะไรมากก็ไม่ดี”

ยิ่งทำให้น่าสงสัย กับเบื้องหลัง

เชื่อในนักมวย เชื่อในสตาฟฟ์ว่าทำเต็มที่แล้ว ทุ่มเทสุดกำลังแล้ว แต่อย่างที่ บรรจง บอก “มันได้เท่านี้จริงๆ”

ลิมิตมันมีเท่านี้

คำถามตัวโตๆ คืออีกกี่โอลิมปิกกัน ที่จะบริหารงานให้ถึงจุดที่ว่า “ได้มากกว่านี้” เสียที.

*** วุฒินล ***