เมื่อเวลา 08.39 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขออนุญาตศาลเดินทางไปดูไบ เพื่อรักษาตัว แต่มีคำสั่งไม่อนุญาต จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายทักษิณ ไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองช่วงเดือน ส.ค. จึงจะออกไปตั้งหลักก่อนว่า ไม่แน่ใจ เพราะตนอ่านเพียงแต่ข่าวตามหนังสือพิมพ์ ว่านายทักษิณจะไปพบแพทย์ แต่ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากแพทย์ในประเทศไทยมีอยู่แล้ว และก็เข้าใจว่าแพทย์ไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว
เมื่อถามต่อว่า ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองเดือนนี้ใช่หรือไม่ เนื่องจากจะมีคดีสำคัญจนอาจทำให้นายทักษิณ ต้องไปตั้งหลัก นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะวันที่ 7 ส.ค. เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล และวันที่ 14 ส.ค. ก็เป็นเรื่องของตน ส่วนนายทักษิณเองก็ยืนยันว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีมาตรา 112 และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะลูกสาว ก็ออกมายืนยันว่า ไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะไปตั้งหลักต่างประเทศ ซึ่งประเด็นดังกล่าว นายทักษิณ ระบุว่าจะออกไปเรื่องสุขภาพ แต่เรื่องอื่นยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามย้ำว่า มีการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ทางการเมืองช่วงเดือน ส.ค. มีความน่าเป็นห่วง นายกฯ ได้ประเมินอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ตนบอกไปว่าได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ ปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อถามอีกว่า จาก 3 คดีช่วงเดือนนี้ จึงเกิดกระแสข่าวจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว ทุกคนยังคงทำงานกันอย่างเต็มที่ เมื่อคืนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมมารดาของตน ซึ่งก็มีการพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง และการเตรียมพร้อมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 3 ส.ค. โดยในวันเดียวกันนี้ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินทางล่วงหน้าไป เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้มีการเชิญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) มาหารือก่อนลงใต้ ช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้
เมื่อถามต่อว่า หากวันที่ 14 ส.ค. คดีของนายกฯ ไม่มีปัญหา จะมีการปรับ ครม. หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ อย่างที่บอก คดีของตนก็จบแล้ว เพราะศาลไม่ได้เรียกขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งตนได้ทำคำแถลงปิดคดีไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็ต้องดูปัญหาบ้านเมืองอย่างเดียว ตนไม่อยากคิดไปไกลถึงเรื่องการปรับเปลี่ยน ครม. เพราะเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่เหลือ 3 ปี ว่าอาจมีการปรับเปลี่ยน ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่มีการโยงใยกับวันที่ 14 ส.ค. นี้ หรือกรณีของพรรคก้าวไกล ที่มีการตัดสินวันที่ 7 ส.ค. นี้ ดังนั้นขออย่าไปโยง เพราะจะทำให้เกิดความซับซ้อนและเข้าใจผิด เบี่ยงเบนความสนใจในประเด็นบางเรื่องที่เราต้องทำ ตนอยากให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีความไขว้เขวในเรื่องนี้ ตนคิดว่ามาทำงานกันดีกว่า
เมื่อถามด้วยว่าหากมีการปรับ ครม. พรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังอยู่ครบหรือไม่ หรือจะมีการนำของเก่าออกและเอาของใหม่เข้ามาบ้าง นายกฯ นิ่งไม่ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่า มีความหวาดระแวงหรือไม่ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนตัวจะมีคนในรัฐบาล เข้ามาแทนนายกฯ หากศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ 314 เสียง มันก็แน่นอยู่แล้ว ถ้ามัวแต่พะว้าพะวัง กับคำว่าอาจจะแบบนี้ อย่างที่บอกตน ไม่อยากให้ทุกคนที่ดูแลบ้านเมืองมาไขว้เขวกับเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำว่าจะต้องดึงคนจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเพิ่มเพื่อให้ 314 เสียงแน่นขึ้นหรือไม่ นายกฯ ส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คิดเลย ไปถึงเรื่องโยงใยปรับ ครม. ดึงคนมาเสียบ และการดึงคนเข้าคนออกยังไม่มีในตอนนี้ เพราะปัญหาเยอะเหลือเกิน เราต้องช่วยเหลือกัน และท่านก็เห็นอยู่แล้วว่าปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างในทุกวัน และรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป.