เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังการพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการแสดงอาการหวั่นไหวต่อคดีที่จะมีการวินิจฉัยในวันที่ 14 ส.ค. นี้หรือไม่ ว่า ไม่ได้เห็นนายกฯ แสดงอาการอะไร ยังทำงานเป็นปกติ และเข้มแข็งมากกว่าปกติด้วยซ้ำ เพราะอยู่ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเอง โศกเศร้าเสียใจจากการจากไปของมารดา แต่ยังคงแยกเรื่องงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องเห็นใจ ส่วนเรื่องการเมืองก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการ อย่าไปถามหรือทำอะไรให้นายเศรษฐา ต้องวอกแวก
เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจนายเศรษฐา อะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ต้องพูด วัตรปฏิบัติของตนพิสูจน์อยู่แล้ว ว่าตนยอมรับการเป็นหัวหน้ารัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง เราตัดสินใจมาร่วมรัฐบาลแล้ว และหนึ่งในมือที่โหวตเลือกก็มือตน และก็มือสมาชิกพรรคอีก 70 กว่าคน เรายอมรับในการนำของนายกฯ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปถาม ส่วนคำอวยพรทั้งหลายว่า ตนคาดหวังอย่างโน้นอย่างนี้ เราว่ากันเลือกตั้งต่อเลือกตั้ง ระหว่างเป็นรัฐบาลร่วมกัน ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในจังหวะนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เดินมาถึงจุดสัมภาษณ์พอดี นายอนุทิน จึงกล่าวขึ้นว่า “นายผมมาแล้ว” ก่อนที่จะชี้ไปยังนายภูมิธรรม
เมื่อถามว่าเหตุใดสังคมจึงจับจ้องมาที่นายอนุทิน ว่าหากในเศรษฐาเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เขาวิเคราะห์กันในความเป็นไปได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งก็ไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนั้น
เมื่อถามว่า นายอนุทินคิดใช่หรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ยอมปล่อยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายเศรษฐา นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดตรงนั้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพราะเขาเป็นพรรคการเมืองที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามกติกา มารยาท การมีมารยาทคือการอย่าพูดอะไรที่มันไม่เหมาะและไม่เกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยหาตัวนายกฯ ไม่ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไปถามนู้น ผู้จัดการรัฐบาล และชี้ไปที่นายภูมิธรรม
เมื่อถามว่ามีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือน ส.ค. หรือไม่ เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังต่างประเทศ เพราะสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่มีตรงไหนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลเลย รัฐบาลยังคงทำงาน ดูสิวันนี้ 8 โมงกว่าๆ ทุกคนมาประชุมกับนายกรัฐมนตรี มาหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน เพราะว่านี่คือรัฐบาล ก่อนจะกล่าวติดตลกว่า บาลแปลว่าอะไรล่ะ บาลแปลว่า ปกป้อง รักษา คุ้มครอง อภิบาล รัฐบาล
เมื่อถามต่อว่า หากนายกฯ ผ่านเหตุการณ์วันที่ 14 ส.ค. นี้ไปได้ มีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายกฯ
เมื่อถามต่ออีกว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดไปแล้วจะทำอะไรได้ เราเป็นผู้พิพากษาหรือเปล่า เป็นคนตัดสินใจหรือเปล่า มันไม่ใช่เลย ไม่มีอะไรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราเลย สิ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราในวันนี้ คือรัฐบาลต้องทำงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ทุกอย่างต้องฟังผู้บังคับบัญชา และต้องทำงานให้กับประชาชน มีทางให้เดินอยู่แค่นี้
เมื่อถามย้ำอีกว่าหากมองในฐานะหุ้นส่วนของรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า ประชาชนทุกคนก็เป็นหุ้นส่วนของรัฐบาล ทั้งคนที่เลือกและไม่ได้เลือกพรรคภูมิใจไทยก็ตาม เรามีหน้าที่ต้องทำงาน ก่อนที่นางอนุทินจะกล่าวตัดว่า นายภูมิธรรมรอแล้ว
เมื่อถามอีกว่า ได้ข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ข่าว เมื่อถามอีกว่าแล้วจำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องนำพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาและนำพรรคพลังประชารัฐออกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐบาลนี้ก็เข้มแข็ง
โดยภายหลังการให้สัมภาษณ์แล้วเสร็จของนายอนุทิน นายภูมิธรรมได้มารอให้สัมภาษณ์ โดยนายอนุทิน กล่าวว่า “ขาใหญ่มาแล้ว”