เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ส.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ ผกก.1 บก.ปคม. ร่วมแถลงผลจับกุมพระครูปลัด อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3493/2567 ลงวันที่ 30 ก.ค. ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลัง, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี, ข่มขืนกระทำชำเราการกระทำอนาจารซึ่งกระทำต่อเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล, บังคับ ขู่เข็ญให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร” โดยจับกุมตัวได้ในกุฏิวัดพุทธมงคลนิมิต ถนนพุทธมงคล ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์
พล.ต.ต.ศารุติ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า พระครูปลัด วัดแห่งหนึ่ง ใน จ.นครสวรรค์ ประพฤติตนไม่เหมาะสม จึงลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงทราบว่า ช่วงเดือน ต.ค. 59 ถึง ก.ค. 61 พระครูปลัด ได้ล่วงละเมิดทางเพศสามเณร อายุ 11-12 ขวบ ที่อยู่ในปกครอง ขณะที่จำพรรษาอยู่วัดแห่งหนึ่ง ใน กทม. รวม 5 รายอย่างต่อเนื่อง ทั้งในลักษณะกระทำอนาจารและกระทำชำเรา โดยเหยื่อทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่าพระครูปลัด มักจะเรียกผ่านลำโพงกล้องวงจรปิดในห้องนอนหรือให้เพื่อนสามเณรไปตามให้ไปสวดมนต์กับพระครูปลัดในห้องพัก ก่อนถูกล่อลวงให้บีบนวดแขนขาและล่วงละเมิดทางเพศจนสำเร็จความใคร่อยู่เป็นประจำ
ด้าน พ.ต.อ.ก่อเกียรติ กล่าวว่า เหยื่อบางรายให้การว่าถูกล่วงละเมิดต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์มานานนับปี รวมทั้งเหยื่อทุกรายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจะถูกข่มขู่ต่างๆ นานา ไม่ให้บอกผู้ปกครอง หรือบอกพระรูปอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยเด็ดขาด พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับและติดตามตัว พบว่าหลังจากปี 63 พระครูปลัด ไปเป็นพระลูกวัด ใน จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวได้ในกุฏิขณะนอนอยู่กับ ด.ช.อายุ 13 ปี อีก 1 ราย ซึ่งเด็กรายนี้ยอมรับว่าเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ 4-5 ครั้ง
เบื้องต้นพระครูปลัด ให้การปฏิเสธ จึงนำตัวไปทำพิธีสึก ก่อนคุมตัวส่ง กก.1 บก.ปคม. ดำเนินคดีพร้อมขยายผลติดตามเหยื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม เบื้องต้นพบเด็กผู้เสียหายแล้ว 6 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกหลายราย แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครอง เพราะกลัวคำขู่ของผู้ต้องหารายนี้
พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ต้องตรวจสอบด้วยว่าผู้ต้องหาได้ถ่ายคลิปหรือรูปภาพนำไปเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลด้วยหรือไม่ต่อไป.