สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา เดินทางมายังศาลฎีกา ในกรุงการากัส เพื่อยื่นเอกสารชี้แจงและแก้ต่างต่อคำฟ้องของฝ่ายค้าน เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ มาดูโรประณามการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน “เป็นการโจมตีกระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย” และยืนยันพร้อมเผชิญกับหมายเรียกและการสอบสวน ขณะเดียวกัน ผู้นำเวเนซุเอลากล่าวด้วยว่า พร้อมเปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้ง “อย่างละเอียด 100%”


อนึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้งเวเนซุเอลารับรองว่า มาดูโร วัย 61 ปี ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2556 ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 51.2% รักษาตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลาเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน และการชนะเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้มาดูโรยังคงอยู่ในตำแหน่งต่ออีก 6 ปี หรือจนถึงปี 2573


อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และยืนกรานว่า นายเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ อูร์รูเตีย อดีตนักการทูตวัย 74 ปี ผู้สมัครอิสระ ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนราว 73% ไม่ใช่ 44.2% ตามผลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และการประท้วงต่อต้านผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 16 ราย


ด้านนายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า “ความอดทน” ของรัฐบาลวอชิงตันและนานาชาติที่มีต่อวิกฤติการเมืองในเวเนซุเอลา “มีขีดจำกัด” ขณะที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ผู้นำโคลอมเบีย ประเทศซึ่งมีผู้อพยพชาวเวเนซุเอลามากที่สุด เรียกร้อง “การนับคะแนนอย่างโปร่งใส ภายใต้การสังเกตการณ์ขององค์กรระหว่างประเทศ”


ส่วนองค์การรัฐอเมริกัน (โอเอเอส) ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศระดับภูมิภาค ที่มีสมาชิกมากกว่า 30 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ ออกแถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาครั้งนี้ “มีการทุจริต”.

เครดิตภาพ : AFP