สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่ายูเนสโกให้ข้อมูลว่า หมู่บ้านอุมม์ อัล-จิมาล ซึ่งมีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ก่อสร้างโดยชาวนาบาเตียน
ขณะที่จารึกภาษากรีก, นาบาเตียน, ซาฟาอิติก, ละติน และอาหรับ ซึ่งมีการค้นพบในสถานที่ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของผู้อยู่อาศัย หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจอร์แดน-ซีเรีย ห่างจากกรุงอัมมานไปทางเหนือราว 86 กิโลเมตร และเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘โอเอซิสสีดำ’ เนื่องจากมีหินภูเขาไฟสีดำจำนวนมากในพื้นที่
นายมักรอม อัล-ไกซี รมว.ท่องเที่ยวและโบราณวัตถุของจอร์แดน กล่าวว่า การที่หมู่บ้านอุมม์ อัล-จิมาล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่เราควรภาคภูมิใจ และรัฐบาลจอร์แดนหวังเชิญนักลงทุนทั้งจากในท้องถิ่นและต่างประเทศ ให้มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และมีแผนพัฒนาหมู่บ้านอุมม์ อัล-จิมาล ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ชื่อของหมู่บ้าน อุมม์ อัล-จิมาล มาจากการนำอูฐมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของคาราวานค้าขายในหมู่บ้าน ต่อมาชาวโรมันเข้ามาครอบครองหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนมีการพัฒนาหมู่บ้านให้กลายเป็นแหล่งเกษตรกรรมและการค้าที่สำคัญ
นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนหมู่บ้าน อุมม์ อัล-จิมาล ทำให้จอร์แดนมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการบันทึกในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโกแล้วอย่างน้อย 7 แห่ง
อนึ่ง การท่องเที่ยวของจอร์แดนสร้างรายได้ราว 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 250,890 ล้านบาท) คิดเป็นประมาณร้อยละ 12-14 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เมื่อปี 2566 โดยมีการต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 6 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวของจอร์แดนได้รับผลกระทบมากขึ้น จากสงครามที่กำลังโหมกระหน่ำในฉนวนกาซา นับตั้งแต่ต้นปีนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวของจอร์แดนลดลงร้อยละ 4.9 และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 7.9 ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากยุโรป, สหรัฐ, แคนาดา และประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตามลำดับ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES