เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานนั้น ได้มีข้อสังเกตของ กมธ.วิสามัญฯ ส่งให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรร่วมพิจารณาในวันที่ 31 ก.ค. 2567 โดยมีการตั้งข้อสังเกต อาทิ ผลกระทบด้านการแข่งขันทางการค้า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีหน้าที่ให้คำปรึกษาต่อ ครม.เกี่ยวกับนโยบายที่ส่งผลต่อการแข่งขันตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จึงควรให้ กขค.เข้ามามีส่วนร่วม ให้คำปรึกษา และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่จะกระทบต่อการแข่งขันในตลาดค้าปลีกค้าส่ง ทั้งภาพรวมของตลาดระดับประเทศและระดับพื้นที่ เนื่องจากตลาดค้าปลีกค้าส่งในปัจจุบันมีการกระจุกตัวค่อนข้างสูง

ส่วนประเด็นมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ ควรมีการประชาสัมพันธ์การกระทำที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการดังกล่าวให้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำความผิด และควรมีหน่วย งานรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม กรณีที่พบเห็นการกระทำความผิดในการใช้เงินตามโครงการดังกล่าว โดยมีช่องทางที่ประชาชนสามารถติดต่อได้โดยสะดวก ขณะที่เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น รัฐควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเปิดเผยมาตรการดังกล่าวให้ประชาชนทราบ ควรให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เข้ามามีส่วนร่วมติดตามและประเมินผลการกำหนดนโยบายและมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท