จากกรณี “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อ พนักงานสอบสวน บก.ปทส. แต่ก็ได้เกิดเหตุขณะเข้าตรวจสอบ นักข่าวที่ติดตามทำข่าวกลับถูกชายฉกรรจ์ข่มขู่ อ้างทำให้ธุรกิจเสียหายและทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 / รองหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า กอ.รมน.4 มีแผนที่จะร่วมกับ กอ.รมน.จ. สุราษฎร์ธานี และ เทศบาลนครเกาะสมุยในการบังคับใช้กฎหมายการควบคุมอาคารในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ในพื้นที่ ที่ กอ.รมน.4 ได้เข้าแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มอาคารที่พักอาศัยบริเวณสันเขาพื้นที่ ต.มะเร็ต ต.แม่น้ำ และ ต.บ่อผุด เมื่อปี 62 ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร, พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ และกฎหมายอื่นๆ ที่มีโทษทางอาญา และที่ผ่านมาเทศบาลนครเกาะสมุย ได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 และมาตรา 43 วรรคสาม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พุทธศักราช 2522 ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 66 ซึ่งเจ้าของอาคารที่ได้รับคำสั่งฯ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หรือยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าพนักงาน
ล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ได้รับแจ้งจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ของเทศบาลนครเกาะสมุย พบเจ้าของอาคารไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น รวมถึงไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใด สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงได้มอบหมายให้ กอ.รมน.ภาค 4 ใช้อำนาจตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2551 บังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ เศรษฐกิจและสังคม
รอง ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวต่อว่า การทำงานตรวจสอบการถือครองที่ดินของรัฐและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว ในพื้นที่กองภาคที่ 4 ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 60 ในกระบวนการทางคดีอาญา ซึ่งส่วนใหญ่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ในหลายๆ คดี ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด และนำคดีขึ้นสู่ศาล ส่วนคดีทางปกครอง หน่วยงานท้องถิ่นก็ได้มีการดำเนินการตามระเบียบ แต่พบว่าเอกชนที่กระทำผิดยังคงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครอง จนปัจจุบันทำให้ดูเหมือนว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่เกิดผล อีกนัยหนึ่งคือหน่วยงานราชการบางหน่วยไม่จริงจังต่อการแก้ปัญหา เหตุดังกล่าว จึงต้องบูรณาการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ในครั้งนี้ จะเป็นความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายโดยเสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งการปฏิบัติที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการ และภาคเอกชน ในการทำงานดูแลรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของส่วนรวมดีขึ้นเป็นลำดับ
“โดยในวันที่ 30 ก.ค. 67 นี้ เทศบาลนครเกาะสมุย จะเข้าปิดประกาศกำหนดการรื้อถอนอาคาร จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.บ่อผุด และในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.แม่น้ำ ซึ่งก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและอยู่ในพื้นที่เขตห้ามก่อสร้าง และในการตรวจสอบล่าสุด พบว่าผู้ประกอบการยังมีการใช้อาคารทั้ง 2 แห่ง ในการประกอบธุรกิจโรงแรมที่พัก กอ.รมน.ภาค 4 ยังคงมุ่งมั่น แน่วแน่ ตั้งใจในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมชาติและประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป” พล.ต.อนุสรณ์ กล่าว