เมื่อวันที่ 27 ก.ค. พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พ.ต.ท.อาจณรงค์ วงษ์ภาพ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เรวัต สุริยะ สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายสุรชัย อายุ 34 ปี พร้อมของกลางสายไฟยาว 30 เมตร จำนวน 1 เส้น สายทองแดงยาว 50 เมตร จำนวน 1 เส้น คีมตัดสายไฟ 4 ตัว และรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.ไทรน้อย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.ค. มีผู้เสียหายหลายราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน หลังถูกคนร้ายขับรถเก๋งตระเวนลักตัดสายไฟที่หมู่ 2 ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยคนร้ายก่อเหตุในอำเภอไทรน้อยมาแล้วหลายครั้ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส และตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง จนกระทั่งรู้ตัวคนก่อเหตุ และสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
นายบุญชู ขำสา อายุ 52 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า คนร้ายขับรถเก๋งเข้าไปกับเพื่อนอีกคนที่อาศัยอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเขาไปสมัครงานและรู้จักกันได้ประมาณ 2-3 วัน โดยอ้างว่าจะเข้าไปหาห้องเช่าแถวจุดที่ก่อเหตุ สุดท้ายเขาก็เข้าไปตัดสายไฟ ซึ่งคนร้ายตัดสายไฟจากมิเตอร์เข้าบ้านไป 2 เส้น เส้นละ 20 เมตร รวมทั้งหมดประมาณ 40 เมตร ทำให้ไฟในบ้านดับทั้งหมด วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ตำรวจสืบหาตัวคนก่อเหตุจนกระทั่งจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว ตนอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 30 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งคนร้ายรายนี้เพิ่งเคยเห็นเข้าไปครั้งแรก ก็ลงมือก่อเหตุเลย โดยคนที่เห็นเหตุการณ์และเป็นคนแจ้งเบาะแสเป็นคนใบ้ แต่เขาสามารถระบุรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้อย่างชัดเจน
นายสุรชัย ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่า ขับรถเก๋งไปก่อเหตุเพียงคนเดียว ซึ่งทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยตัดสายไฟไปประมาณ 3 เมตร หลังจากนั้นได้นำไปเผาไฟเพื่อเตรียมจะนำไปขาย แต่มีคนมาเห็นเสียก่อน จึงทิ้งสายไฟเอาไว้แล้วรีบวิ่งขึ้นรถขับหนีออกไป สาเหตุที่ต้องตระเวนขโมยสายไฟเพราะตอนนี้ตกงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปสมัครงานไว้แล้ว แต่ยังไม่เรียกตัวให้ไปทำ ตอนนี้เครียดทั้งเรื่องงานและเรื่องเมีย ถ้าหากไม่ถูกจับแล้วเอาสายทองแดงไปขาย ถ้าได้เงินมาก็จะนำมาใช้จ่ายในครอบครัว ซื้อกับข้าวและเติมน้ำมันรถ ยอมรับว่าไปตัดสายไฟที่บริเวณบ่อปลาและที่สวนกระท่อม รวมทั้งหมด 2 ที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ โดยเข้าทางช่องทางที่ไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป