สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ว่า รัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับวิกฤติคนไร้บ้านมาอย่างยาวนาน จากการเป็นที่อยู่อาศัยของคนไร้บ้าน 1 ใน 3 ของสหรัฐ ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดแคลนที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง โดยนิวซัมกล่าวว่า “รัฐทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขวิกฤติบนท้องถนน ไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไปแล้ว และถึงเวลาซึ่งทุกคนต้องทำหน้าที่ของตนเอง”
มากไปกว่านั้น ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียออกคำสั่งให้จัดการกับค่ายผู้ไร้บ้านที่อันตราย ขณะเดียวกัน ก็ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้เป็นคำสั่งของผู้ว่าการรัฐ แต่เขตอำนาจศาลในพื้นที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม ส่งผลให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่สมาชิกพรรคเดโมแครตของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นนี้
ศาลฎีกาของสหรัฐพิจารณาประเด็นนี้ จากคดีที่ยื่นฟ้องโดยเมืองแกรนต์พาส ในรัฐออริกอน เพื่อผ่านกฎหมายต่อต้านการตั้งแคมป์ 2 ฉบับ ที่มีจุดประสงค์ห้ามคนไร้บ้านนอนกลางแจ้ง แม้ศาลแขวงของสหรัฐตัดสิน เมื่อปี 2565 ว่ากฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึ่งห้ามการลงโทษที่โหดร้ายและผิดปกติ แต่ศาลฎีกาซึ่งมีเสียงข้างมากเป็นฝ่ายอนุรักษนิยม พลิกคำตัดสินดังกล่าว เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่นางแคเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีเมืองลอสแอนเจลิส ประณามคำตัดสินของศาลฎีกา ว่าทำให้ผู้คนต้องถูกดำเนินคดีจากการนอนนอกบ้าน ขณะที่ไม่สามารถแสวงหาสถานที่ปลอดภัยแห่งอื่นได้
สำหรับนโยบายคนไร้บ้านของเทศบาลนครลอสแอนเจลิส ซึ่งมีจำนวนคนไร้บ้านมากที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย คือการเพิ่มความพยายามในการนำคนเหล่านี้ไปยังศูนย์พักพิง จนถึงตอนนี้ ความพยายามของเธอประสบความสำเร็จ และส่งผลให้จำนวนผู้อยู่อาศัยที่นอนนอกบ้านลดลงร้อยละ 10.4 ในปีนี้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES