เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ค. 67 ได้เดินทางพร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม เยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและจีน รวมถึงศึกษาแนวทางการอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองทางรถไฟระหว่างลาวและจีน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย โดยเดินทางด้วยรถไฟลาว-จีน ขบวนที่ D88 จากสถานีหลวงพระบางใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสถานีรถไฟบ่อเต็น ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ทางตอนเหนือของประเทศ สปป.ลาว โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน R3A ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างลาวและจีน
สำหรับสถานีรถไฟบ่อเต็นเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายสำคัญที่เชื่อมโยงนครหลวงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว กับนครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีน อยู่ห่างจากชายแดนลาว-จีน เพียงประมาณ 8 กิโลเมตร (กม.) ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งสินค้าและการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโครงการรถไฟลาว-จีนช่วงสถานีนครหลวงเวียงจันทน์-สถานีบ่อเต็น ระยะทาง 414 กม. ได้เชื่อมต่อกับทางรถไฟของสาธารณรัฐประชาชนจีนช่วงสถานีบ่อเต็น-สถานีคุนหมิงใต้ ระยะทาง 1,022 กม. โดยมีทางรถไฟเชื่อมระหว่างสองประเทศ ในลักษณะโครงสร้างอุโมงค์ เนื่องจากพรมแดนของสองประเทศอยู่ระหว่างสถานีบ่อเต็น (ลาว)-สถานีบ่อหาน (จีน) จึงต้องมีการทำพิธีตรวจคนเข้า-ออกเมืองทั้งสองสถานีดังกล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การเดินทางเยือนมณฑลยูนนานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและจีน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับประเทศไทยผ่านทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างไทย ลาว และจีน มีความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต อันจะเป็นประโยชน์ต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันต่อไป
ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กล่าวว่า เมื่อขบวนรถไฟถึงสถานีบ่อเต็นแล้วผู้โดยสารต้องลงจากขบวนรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระ เพื่อผ่านการตรวจคนเข้าเมืองขาออกของ สปป.ลาว ที่ด่านบ่อเต็น แล้วกลับมาขึ้นขบวนรถไฟเดิมหมายเลขที่นั่งเดิม เพื่อลอดอุโมงค์ไปยังจากสถานีรถไฟบ่อหาน (จีน) โดยผู้โดยสารจะต้องลงจากขบวนรถพร้อมกระเป๋าสัมภาระอีกครั้ง เพื่อผ่านการตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งสแกนกระเป๋าสัมภาระก่อนมาขึ้นขบวนรถไฟเดิมหมายเลขที่นั่งเดิมที่สถานีดังกล่าว ก่อนเดินทางไปยังสถานีต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ สถานี jinghong (สิบสองปันนา) สถานี Pu-er สถานี Yuxi และปลายทางสถานีคุนหมิงใต้
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า คณะเดินทางได้ศึกษากระบวนการตรวจคนเข้าเมืองทางรถไฟที่ด่านบ่อเต็นและด่านบ่อหาน ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการคัดกรองผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองมีความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงคมนาคมจะนำแนวทางและเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบตรวจคนเข้าเมืองทางรถไฟระหว่างไทย-สปป.ลาว ต่อไป เพื่อรองรับการเดินทางข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการเปิดใช้ทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างไทย ลาว และจีนอย่างเต็มรูปแบบ จากนั้นคณะเดินทางต่อโดยรถไฟไปยังสถานีรถไฟคุนหมิงใต้ นครคุนหมิง โดยขบวนรถไฟ D88 (เส้นทางนครหลวงเวียงจันทน์-คุนหมิงใต้) เดินทางถึงสถานีรถไฟคุนหมิงใต้เวลา 18.34 น.