โดยจะมีการประชุมนัดแรก การประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันอังคารที่ 23 ก.ค. 2567 เวลา 09.30 น. ซึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาอีก 2 ตำแหน่ง
สุดสัปดาห์นี้จึงเป็นโค้งสุดท้ายในการล็อบบี้เพื่อส่งคนของกลุ่มก๊วนตัวเองเข้าไปเป็นประมุขสภาสูงทั้ง 3 ตำแหน่งเพื่อเป็นเข็มทิศนำทางการทำงานของวุฒิสภาต่อจากนี้ไปอีก 5 ปี เนื่องจากภารกิจสำคัญของวุฒิสภาชุดนี้ คือ 1. การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในช่วงปี 2567 – 2571 เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 5 คน ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลการรัฐธรรมนูญที่จะครบวาระ 2 คน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 6 คน และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 คน 2.การพิจารณาให้ความเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมไปถึง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 (งบฯกลางปี 67) เพื่อจัดทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในเดือน ส.ค.นี้
ดังนั้นตำแหน่งประธานวุฒิสภาจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ที่สำคัญ สว.ชุดนี้ถูกจั่วหัวว่าเป็น “สว. สายสีน้ำเงิน” ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีมากกว่า 140 เสียง จึงทำให้มองได้ว่าเสียงข้างมากในสภาสูงจะอยู่ภายใต้บังเหียนของ “คูรใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ผู้มากบารมีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทำให้จุดถ่วงดุลทางการเมืองเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำต้องอาจต้องสะดุ้ง
ขณะเดียวกันการที่ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูราศีจับเพราะได้รับสัญญาณพิเศษ จนหลายฝ่ายมองว่าเป็นแคนดิเดตที่จะมาเบียดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “เสี่ยนิด”เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ หากตกม้าตายด้วยปมถุงขนมพ่นพิษ ถูกศาลรัฐธรรมนูญเชือดกรณีตั้ง “พิชิต ชื่นบาน”อดีตรมต.สำนักนายกฯ ขัดรัฐธรรมนูญ
ฟากแคนดิเดตประธานวุฒิสภาเต็งหนึ่งนอนมายังคงเป็น “บิ๊กหมง” มงคล สุระสัจจะ” อดีตอธิบดีกรมการปกครอง สายตรงบ้านใหญ่สีน้ำเงิน ส่วนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ก็คาดว่าจะเป็นของฝั่งสีน้ำเงินเช่นกัน คือ“บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 เพื่อนสนิท “เสี่ยหนู” ซึ่งในตำแหน่งนี้ปรากฏชื่อคู่ท้าชิงคือ“นพดล อินนา” อดีตเลขานุการ รมว.ยุติธรรม (ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ขณะที่เก้าอี้รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 น่าจะแข่งกันดุเดือดที่สุด โดยมีชื่อของ “บุญส่ง น้อยโสภณ” อดีต กกต.และอดีตผู้พิพากษา ที่ได้เสียงหนุนจากกลุ่ม สว.อิสระ 36 คน
รวมถึงยังมีกลุ่ม “สว.พันธุ์ใหม่” ที่ประกาศท้าชน 3 เก้าอี้รวด คือส่ง“นันทนา นันทวโรภาส” ลงชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา ส่วน“แล ดิลกวิทยรัตน์” ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ “อังคณา นีละไพจิตร” ชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 หวังขอพื้นที่ให้กลุ่มที่เป็นคนส่วนน้อยได้มีโอกาสทำงาน และเปิดบทบาทสตรีในสภาสูง
นับถอยหลังอีกอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เห็นโฉมหน้าของประมุขสภาสูงทุกตำแหน่ง และเห็นถึงทิศทางการเมืองไทยที่จะเกิดการถ่วงดุลระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองอย่างดุเดือด โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยที่ยึดกันคนละสภาหรือไม่.