จากกรณี พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธภรภาค 5 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ บุกเข้าตรวจค้นจุดติดตั้งอุปกรณ์กระจายสัญญาณ SIMBOX ที่กลุ่มเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารไปยังประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลขอหมายค้น และได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าทำการตรวจค้นที่ห้องพักเลขที่ 465/33 อาคารชุดเอื้ออาทรป่าตัน 1 อาคาร 1 ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 460/60 อาคารชุดบ้านเอื้ออาทรไนท์ซาฟารี อาคาร 1 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่
โดยการตรวจค้น ก็พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (SimBox) จำนวน 12 เครื่อง เครื่องสำรองไฟ และอุปกรณ์จำนวนมาก พร้อมจับกุมตัว น.ส.วนัชพร อัครศิริสินโสภณ อายุ 26 ปี นายธีราวัฒน์ อัครศิริสินโสภณ อายุ 22 ปี MISS NANG THUZAR NYEIN อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา น.ส.สุวรรณลักษณ์ พงษ์ยศ อายุ 25 ปี ก่อนนำตัวทั้งหมดดำเนินคดี ต่อมาทางชุดสืบสวนภาค 5 ได้ขยายผลจากการจับกุมคดีดังกล่าว โดยทราบว่าหัวหน้าของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ พ.ต.ท.บัณฑิต (สงวนนามสกุล) สารวัตรอำนวยการสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เป็นคนบงการ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางชุดสืบสวน สส.ภ.5, สส.ภ.จว.เชียงใหม่ และ สส.สภ.ช้างเผือก ได้นำหมายเลขที่ จ.1233/2567 ลงวันที่ 18 ก.ค. 67 ในข้อหา “ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม” จับบุกเข้าจับกุมตัว พ.ต.ท.บัณฑิต ขณะบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.งาว จ.ลำปาง ก่อนนำตัวไปให้เจ้าคณะอำเภอทำการสึก และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทำซะเอง! หมายจับ พ.ต.ท. หัวหน้าแก๊งคอลฯ ให้ลูกสาวคอยดูแลระบบ
ต่อมาทาง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 พร้อมคณะสอบสวนได้เดินทางมาที่ สภ.ช้างเผือก และทำการนำตัว พ.ต.ท.บัณฑิต มาสอบสวนปากคำ ซึ่งเบื้องต้น พ.ต.ท.บัณฑิต ให้การว่า ได้ร่วมกระทำในคดีนี้ในส่วนแค่ช่วยยกของและดูให้ลูก โดยเครื่องดังกล่าว กลุ่มเพื่อนลูกประสานกับล่ามและหัวหน้าแก๊งคือคนจีน นำเครื่องมาตั้งไว้ โดยเพิ่งตั้งได้เดือนเศษ ซึ่งตนไม่ทราบว่าคือเครื่องอะไร ทำงานอย่างไร และไม่รู้อะไรกับธุรกิจนี้เลย ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ทราบ
พล.ต.ต.วีรชน เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การปฏิเสธ เพราะลูกติดภรรยาทั้งสองคนที่ถูกจับ ใช้ห้องพักตัวเองเป็นสถานที่ส่งสัญญาณ ตอนเริ่มติดตั้ง ผู้ต้องหาแค่แวะไปดู โดยไม่รู้ว่าอุปกรณ์ทุกอย่างใช้ทำอะไร ไม่รู้เป็นของผิดกฎหมาย แค่มาดูให้ลูก ช่วยขนของขึ้นห้องพัก ค่าตอบแทนใดๆ ก็ไม่ได้รับเลย ซึ่งตรงนี้เป็นคำให้การของผู้ถูกจับกุม จากนี้เราก็จะเดินหน้าหาความจริง โดยเรามีพยานหลักฐานมากพอจึงออกหมายจับได้ และเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เท่าที่สอบปากคำผู้ต้องหา ทราบว่าลูกของผู้ต้องหาได้รับการติดต่อจากฝั่งประเทศประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นคนจีน ให้นำเครื่องที่ใช้ในการก่อเหตุเข้ามาวางในเชียงใหม่ โดยลูกของผู้ต้องหาได้มาขอให้ผู้ต้องหาช่วยขนของ ซึ่งการเป็นตำรวจต้องทราบอยู่แล้วว่าสิ่งพวกนี้ผิดกฎหมายและไม่สมควรทำ และหลักฐานว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ออกหมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี ตอนนี้อยู่ในระหว่างการออกหมายจับคนที่สั่งการ และคนประสานงานที่นำเครื่องก่อเหตุเข้ามา และอย่างน้อยน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการสัก 3 คน ซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อกระทำความผิด เราก็เร่งออกหมายจับเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิด หากพบว่าการกระทำผิด ก็อยู่ในขั้นตอนต่อไปว่าจะปลดออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ เท่าที่ดูข้อมูลทั้งหมดยังไม่มีนายตำรวจคนอื่นๆ เข้าไปเกี่ยวข้อง และนี่เป็นการกระทำผิดเฉพาะตัวลูกและครอบครัว ส่วนรายละเอียดการขยายผลคดีนี้ เราก็พบผู้เกี่ยวข้องในคดีอีกหลายคน ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป.