รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดประมูลข้าวโกดังรัฐบาล 10 ปี ว่า ขณะนี้การประมูลได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยผลการต่อรองราคาข้าวสารค้างเก่า 10 ปี กับบริษัทที่ไม่มีปัญหาด้านคุณสมบัติไปแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่า สำหรับผู้ที่ชนะการประมูล
- คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 11,656 ตัน คือ บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ เป็นผู้ชนะการประมูล โดยยืนราคาที่เสนอเดิม 15.617.35 บาทต่อ กก.
- คลังบริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 3,356 ตัน บริษัท สหธัญ จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยยืนราคา 18.690 บาทต่อ กก.
- รัฐคาดว่าจะได้เงินจากการขายข้าวครั้งนี้กว่า 244 ล้านบาท
“แม้ราคาจะต่ำกว่ารายแรก คือ บริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่ให้ราคาสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 19.07 บาทต่อ กก. หรือเป็นวงเงินรวมกว่า 286 ล้านบาท แต่บริษัทก็มีความน่าเชื่อถือมั่นคงยาวนาน”
ทั้งนี้ คาดว่าภายในที่ 19 ก.ค. นี้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) จะออกหนังสือแจ้งบริษัทผู้ชนะประมูล และในวันที่ 23 ก.ค. 67 ผู้ชนะประมูลเข้ามาทำสัญญาและวางหลักประกันสัญญา 5% และระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-13 ก.ย. 67 ชำระเงินและรับมอบข้าวตามสัญญาซื้อขายที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้แม้ผลการเจรจาออกมา ได้ผู้ชนะประมูลข้าวสารค้างเก่า 10 ปีได้เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็มีการพูดถึงและตั้งข้อสังเกตของการทำงานของ อคส. ที่ทำงานล่าช้าและไม่เป็นที่น่าพอใจ ที่สำคัญยังเกิดความผิดพลาดขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งมีบริษัทที่มีคดีค้างเก่ากับรัฐ และ อคส. หลุดเข้าไปประมูลได้ จนทำให้เสียเวลาไปกับการตรวจสอบ และดิสเครดิตการทำงานของรัฐบาล และเห็นว่าหลังจากกระบวนการเซ็นสัญญาขายข้าวในลอตนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว คงจะมีการปรับองค์กรการทำงานของ อคส. ใหม่
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า หลังจากกระบวนการเปิดประมูลข้าวเสร็จสิ้นแล้ว รมว.พาณิชย์ ได้จัดเตรียมปรับโครงสร้างบุคลากร อคส.ใหม่ โดยสรรหาบุคคลที่มีความรู้และความสามารถสูง เข้ามานั่งเป็นคณะกรรมการบอร์ด อคส. รวมถึงเร่งสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. อีกด้วย ซึ่งยอมรับว่าจากการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกค้างเก่านี้ ใช้เวลานานเกินไป