สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นวันที่สอง โดยผู้กล่าวสุนทรพจน์ที่เป็นไฮไลต์ คือกลุ่มนักการเมืองซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ในการช่วงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรค ไม่ว่าจะเป็น นางนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สมัยรัฐบาลทรัมป์ นายรอน เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา และนายวิเวก รามาสวามี นักธุรกิจชื่อดัง
ทั้งสามคนกล่าวไปในทางเดียวกัน ยืนยันการสนับสนุนทรัมป์ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง และเน้นย้ำ “ความจำเป็นของความสามัคคีภายในพรรค” เพื่อให้เป็นพื้นฐานของการบริหารประเทศ
ขณะที่เฮลีย์ซึ่งถอนตัวออกจาการแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันเป็นคนสุดท้าย กล่าวด้วยว่า เธอกับทรัมป์ไม่ได้เห็นพ้องกันทุกเรื่อง แต่ยืนยันว่า ทั้งสองคนมีเรื่องที่เห็นตรงกัน มากกว่าเรื่องที่เห็นต่างกัน
ด้านนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ไม่ใช่เพื่อแสดงความสมานฉันท์ภายในพรรค แต่เพื่อเรียกร้องความปรองดองของชาวอเมริกันทั้งประเทศด้วย หลังเหตุการณ์พยายามลอบสังหารทรัมป์ ที่รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
อนึ่ง ที่ประชุมพรรครีพับลิกันรับรองทรัมป์อย่างเป็นทางการ โดยอดีตผู้นำสหรัฐรวบรวมคะแนนคณะผู้เลือกตั้งได้ 2,387 เสียง จากจำนวนคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมด 2,429 เสียง และรับรองนายเจมส์ เดวิด แวนซ์ หรือ เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกรัฐโอไฮโอ วัย 39 ปี ในฐานะผู้ลงสมัครคู่กับทรัมป์ วัย 78 ปี ในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนมองว่า เหตุผลที่ทรัมป์เลือกแวนซ์ คือการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และกลุ่มคนหนุ่มสาวในสหรัฐ และเกี่ยวข้องกับการสร้างฐานคะแนนนิยมในกลุ่มรัฐสวิงสเตต ซึ่งรัฐโอไฮโอจัดเป็นหนึ่งในนั้น และครั้งสุดท้ายที่รัฐโอไฮโอเลือกตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ต้องย้อนกลับไปยังสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2555.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, AFP