ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และบล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป และการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และกลุ่มเทคโนโลยีจากคาดการณ์เรื่องแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ก่อนจะย่อตัวลงช่วงสั้นๆ ในเวลาต่อมาตามแรงขายลดเสี่ยงระหว่างรอติดตามประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงแรงขายหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่งจากปัจจัยเฉพาะตัว
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยขยับขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยยังมีแรงซื้อต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและเทคโนโลยีเข้ามาหนุน ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด หลังประธานเฟดระบุว่า เงินเฟ้อสหรัฐ เริ่มชะลอตัวและการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวมจากความกังวลเรื่องแนวโน้มหนี้เสีย ซึ่งอาจกระทบผลประกอบการไตรมาส 2/2567
ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,332.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.53% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,365.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.84 จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.38% มาปิดที่ระดับ 356.52 จุด
สัปดาห์ถัดไป (15-19 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,315 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,340 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก การประชุม ECB และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของญี่ปุ่น