นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี (พศจ.ปทุมธานี) เปรียญธรรม 9 ประโยค ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีข่าว “หลวงตาปล่อยเงินกู้ แวะทวงหนี้ขณะบิณฑบาต” ระบุว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3773/2538 กรณีพระภิกษุปล่อยเงินกู้ “โจทก์ซึ่งเป็นพระภิกษุนำเงินส่วนตัวออกให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยซึ่งไม่มีกฎหมายใดห้ามไว้และไม่มีการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายห้ามจึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์มีสิทธินำสัญญากู้ยืมเงินมาฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยจากจำเลยได้”

แม้พระภิกษุซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายในการให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินและคิดดอกเบี้ยได้หากไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ก็ตาม แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของพระภิกษุในสายตาประชาชน ซึ่งกระทบถึงพุทธศาสนาโดยรวม แม้กฎหมายจะอนุญาต แต่พระภิกษุควรพิจารณาให้รอบคอบถึงความเหมาะสมและผลกระทบต่อสังคมและศาสนา

ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการเลี้ยงชีพมิชอบ ที่เรียกว่า “อเนสนา” หมายถึง การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่สมควรแก่ภิกษุ, เลี้ยงชีวิตผิดสมณะ เช่น หลอกลวงเขาด้วยการอวดอุตริมนุสธรรม ทำวิญญัติ คือออกปากขอต่อคนที่ไม่ควรขอ ใช้เงินลงทุนหาผลประโยชน์ ต่อลาภด้วยลาภ คือให้แต่น้อยเพื่อหวังตอบแทนมากเป็นหมอเวทมนต์ เสกเป่า เป็นต้น จิตสำนึกต่อความเป็นสมณะ ท่านต้องมีให้มาก อย่าลืมว่าท่านอยู่ในเพศที่สูงกว่าชาวบ้าน