เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สว.ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ว่าที่ สว. ที่มีการวิจารณ์ว่าไม่เป็นไปตามที่แจ้ง ว่า อย่าลืมว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในแต่ละอาชีพ ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาก็ได้ แต่ถามว่าตรงกับกลุ่มที่ไปลงสมัครหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องประวัติที่ให้เขียน 5 บรรทัด ถ้าบอกว่าเลี้ยงไก่ เรามีความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ได้มาเป็น สว. ก็ต้องอธิบายว่าเข้ามาได้อย่างไร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ไม่ได้ตรวจระดับพื้นที่หรือ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้ ที่มีข้อสงสัยเรื่องวุฒิการศึกษา การสมัครก็ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องจบวุฒิไหน ไม่ว่าจะจบปริญญาตรี โท เอก แต่ถ้าใช้ไปในทิศทางหลอกลวง ก็จะเป็นอีกกฎหมายหนึ่ง โดยจะมีความผิดตั้งแต่มาตรา 74 ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ แล้วใช้วุฒิการศึกษาไปจ้างวานหลอกลวงให้คนอื่นเลือก ก็มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น-2 แสนบาท แต่ก็ไม่มีใครกลัวสักคน เห็นมา สมัครกัน 4 หมื่นกว่าคน ผ่านกันมาเยอะมากแบบที่ตนเห็นแล้วว่าผิดตั้งแต่ต้น ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ ส่วนกรณี พญ.เกศกมล หากพิสูจน์ได้ว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอม อาจเข้าข่ายหรือไม่ ตนไม่รู้ว่าจบปริญญาเอกจริงหรือไม่ อาจจะจบจริงก็ได้ แต่เรื่องศาสตราจารย์ เป็นเรื่องของการโปรดเกล้าฯ วิธีการตรวจคือมหาวิทยาลัยรับรองหรือไม่ และได้รับการรับรองจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หรือไม่ คำว่ากิตติมศักดิ์ บุคคลทั่วไปก็ใช้ไม่ได้

 นายสมชาย กล่าวต่อว่า เอกสารในการสมัคร หากผิดพลาด ก็ต้องผิดพลาดตั้งแต่ต้น กกต.ก็ต้องรับผิด เรื่องนี้กกต. ปล่อยปละละเลยหรือไม่ ถ้ามั่นใจว่าตรวจแล้ว ก็ต้องดูว่าถูกตัดสิทธิ์ไปตั้งแต่ระดับอำเภอหรือไม่ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการโหวตตั้งแต่ต้น ทำให้กระบวนการเสียตามทฤษฎีต้นไม้พิษหรือไม่ แต่วันนี้สังคมอยากให้กระบวนการเดินต่อ ไม่อยากให้เป็นโมฆะ สว.ชุดเก่าไม่ได้อยากอยู่ต่อ แต่เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องไม่ปล่อยปละละเลย ยืนยันว่าพร้อมส่งมอบงานให้สว.ชุดใหม่ ถ้าท่านรับด้วยเกียรติ เราก็ส่งให้ด้วยเกียรติ เพราะสว.ชุดนี้จะเข้ามาทำหน้าที่แทนเราด้วยความสง่างามเพื่อประเทศชาติ ประชาชน สมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทีเหลือก็เป็นเรื่องที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันต่อและเราก็คงหมดภาระ.