สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า ฝรั่งเศสจัดการเลือกตั้งทั่วไปรอบที่สอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการชิงชัยในทั้ง 577 ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นการลงคะแนนก่อนกำหนด โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ยุบสภาผู้แทนราษฎร จากการที่ฝ่ายรัฐบาล พ่ายแพ้ให้แก่พรรคขวาจัด ในการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

พันธมิตรฝ่ายซ้ายนำโดย นายฌ็อง-ลุก เมล็องชง แถลงที่กรุงปารีส หลังทราบผลเอ็กซิตโพล


ผลจากเอ็กซิตโพลปรากฏว่า พันธมิตรพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในนาม “แนวร่วมประชานิยมใหม่” (เอ็นเอฟพี) ที่เป็นการรวมตัวระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคสังคมนิยม และพรรคกรีนส์ ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด ระหว่าง 177-198 ที่นั่ง ตามด้วยพันธมิตรสายกลางนำโดยพรรคเรเนสซองส์ ของมาครง 152-169 ที่นั่ง และพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (อาร์เอ็น) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของนางมารีน เลอ แปน และนายจอร์แดน บาร์เดลลา 135-145 ที่นั่ง ทั้งที่เป็นฝ่ายนำ หลังการเลือกตั้งรอบแรก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา

FRANCE 24 English


ผลคะแนนดังกล่าวหมายความว่า จะไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถครองเสียงข้างมากได้อย่างเด็ดขาดในสภา ซึ่งจะต้องมีจำนวนที่นั่งอย่างน้อย 289 ที่นั่ง และยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่จะออกมาในรูปแบบใด

นายจอร์แดน บาร์เดลลา แถลงที่กรุงปารีส หลังทราบผลเอ็กซิตโพล


ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวว่า มาครงกำลังรอ “ผลคะแนนที่เที่ยงตรงและมีการวิเคราะห์ด้วยความรอบคอบ” ส่วนนายฌ็อง-ลุก เมล็องชง แกนนำคนสำคัญของเอ็นเอฟพี และหัวหน้าพรรคสังคมนิยม ประกาศชัยชนะ พร้อมทั้งเรียกร้องมาครงเปิดทางให้ฝ่ายซ้ายได้ตั้งรัฐบาล

FRANCE 24 English


ขณะที่บาร์เดลลาประณาม “พันธมิตรน่าอับอายขายหน้า” ระหว่างฝ่ายซ้ายกับสายกลาง และกล่าวว่า ฝรั่งเศสกำลังจะเอนไปทางซ้ายจัด ด้านเลอ แปน กล่าวว่า กระแสขวาจัดกำลังมา แม้ยังไม่เพียงพอตอนนี้ แต่เชื่อมั่นว่า จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ ในปี 2570 ที่มาครงครบวาระสองสมัย และทุกฝ่ายเชื่อว่า เลอ แปน จะลงสมัครเป็นครั้งที่ 4.

เครดิตภาพ : AFP