เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่กุฏิคณะ ต. 34 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีฝ่ายฆราวาส พิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล 68 ปี พระราชรัตนสุนทร (วินัย ธมฺมานนฺโท ป.ธ.5) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายศึกษาสงเคราะห์ เจ้าคณะเขตบึงกุ่ม โดยมีพระมหาเถระและพระเถระ ได้แก่ พระธรรมสุธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร วัดหัวลำโพง พระธรรมมงคลวชิโรภาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร พระราชพิพัฒนโกศล เจ้าคณะเขตคลองสาน วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร พระราชสุรวาที วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร พระราชสุวรรณเวที เจ้าคณะแขวงอรุณอมรินทร์ วัดสุวรรณคีรี พระราชวชิราธิบดี เจ้าคณะเขตพระนคร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร พระราชวชิรธรรมสุนทร เจ้าคณะเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย-ปทุมวัน วัดสุนทรธรรมทาน พระสรภาณกวี รองเจ้าคณะแขวงพระบรมมหาราชวัง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร พระกิตติวงศ์วิเทศ วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร พระวิมลมุนี เจ้าคณะอำเภอกัลยาณิวัฒนา วัดศรีโสดา พระอารามหลวง พระครูอาคมสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ประกอบพิธี ซึ่งมีศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ร่วมถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสังฆาธิการภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร พระสังฆาธิการ สวดมาติกา บังสุกุล พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์นพเคราะห์ และร่วมถวายภัตตาหารเพล พระภิกษุ สามเณร ทั้งพระอาราม เป็นอันเสร็จพิธีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ท่านเจ้าคุณพระราชรัตนสุนทร (วินัย ธมฺมานนฺโท) หรือที่เราขานนามท่านว่า “ท่านเจ้าคุณวินัย” มีนามเดิมว่า วินัย เทียนเบ็ญจะ เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2499 โดยสำเร็จการศึกษา นักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 4 ประโยค ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา (พธ.บ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีตำแหน่งทางปกครองเป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายศึกษาสงเคราะห์ เจ้าคณะเขตบึงกุ่ม
“ในด้านสมณศักดิ์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ได้แก่ พ.ศ. 2527 เป็นพระครูปลัด ฐานานุกรม ในพระราชปัญญาสุธี พ.ศ. 2537 เป็นพระครูปลัด ฐานานุกรม ในพระเทพวรมุนี พ.ศ. 2539 เป็นพระครูปลัดสาธุวัฒน์ ฐานานุกรมในพระธรรมเสนานี พ.ศ. 2544 เป็นพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ฐานานุกรมในพระธรรมปัญญาบดี ต่อมาวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เป็น พระราชคณะปลัดซ้าย ที่ พระอุดรคณารักษ์ อรรควิจารณคุณ วิบูลญาณอนันต์ สรรพมหาคณาธิบดี ตรีปิฎกธรรมรักขิต ฐานานุกรม ในพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส และวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชรัตนสุนทร ศาสนภารธุราทรสิกขกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านเจ้าคุณพระราชรัตนสุนทร เป็นพระมหาเถรผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และบริหารการพระศาสนาให้บังเกิดประโยชน์ต่อบวรพระพุทธศาสนา และธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ อันประกอบด้วยสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้นำในการสนองงานพระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม อาทิ การเป็นผู้นำรวบรวมปัจจัยสำหรับสมทบโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ในบริเวณพระอุโบสถ พระวิหาร และสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เพื่อให้ญาติโยมที่มาประกอบศาสนกิจ มาทำบุญ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบกองทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริของสมเด็จพระบรมชนกนาถ คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระผู้พระราชทานกำเนิดโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับพระสงฆ์และสามเณรในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและหลักธรรมคำสอนแห่งพระธรรมเพื่อเผยแผ่ให้แก่พุทธบริษัททั้งปวง อันเป็นการธำรงพระพุทธศาสนาให้เป็นสรณะที่พึ่งของพุทธศาสนิกชน สืบทอดพระบรมเจตนาพุทธานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยล่าสุด ได้มอบเงินสมทบจำนวน 1,000,000 บาท ผ่านพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อสมทบกองทุนฯ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อวัตรปฏิบัติของพระ-เณร และกิจกรรมในวัด ซึ่งต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงที่มีการระบาด ด้วยการที่พระ-เณรต้องงดออกบิณฑบาต ท่านเจ้าคุณพระราชรัตนสุนทร ได้ร่วมเป็นผู้นำในการบริหารจัดการกิจการของวัด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ด้วยการงดรับกิจนิมนต์ ไม่ต้องรวมฉันกลาง เว้นระยะห่างทางสังคม ฉันภัตตาหารในกุฏิ โดยยังคงมีวัตรปฏิบัติด้วยการสวดมนต์และปฏิบัติศาสนกิจที่รวมตัวกันไม่เกิน 20 คน และในด้านการบริหารจัดการบุคลากรภายในวัด ทั้งพนักงานและลูกจ้างประจำ แม่บ้าน รปภ. ประมาณ 100 คน ส่งผลให้ไม่มีงานต้องทำมากเหมือนในภาวะปกติ เหลือเพียงการทำความสะอาดเท่านั้นที่ยังต้องทำทุกวัน แต่วัดไม่ได้เลิกจ้างพนักงานเลย ทั้งยังดูแลช่วยเหลือโดยมอบเงินให้คนละ 5,000 บาทอีกด้วย อันเป็นแนวทางเพื่อธำรงรักษาสิ้นวิถีปฏิบัติของชาววัดโพธิ์ จนกระทั่งผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และร่วมฟื้นฟูให้วัดโพธิ์ได้กลับมาเป็นสถานที่ที่สำคัญของประเทศไทย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวชมและสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดตราบจนถึงปัจจุบัน