เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศห่วงใยและติดตามปัญหาการสู้รบในเมียนมา จึงได้เชิญกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพภาคที่ 3 และกระทรวงมหาดไทย มาชี้แจงที่กรรมาธิการ ซึ่งทราบว่าการสู้รบยังดำเนินอยู่และทางฝ่ายทหารเมียนมาก็ยังตรึงกำลังและจ้องกลับมายึดพื้นที่คืน ยังไม่มีทีท่าว่าการสู้รบจะยุติลง แม้ในขณะนี้ผู้อพยพข้ามแดนมาไทยจะมีจำนวนน้อยลง การสู้รบนอกจากจะทำให้เมียนมาขาดเสถียรภาพแล้ว ยังมีปัญหาที่กระทบไทยคือปัญหายาเสพติดข้ามแดนและปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ส่วนในการปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดนนั้น กองทัพภาคที่ 3 ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
นายนพดล กล่าวต่อว่า ตนยังยืนยันแนวคิดเดิมที่ว่าจะแก้ปัญหาเมียนมานั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุก็คือการยุติการสู้รบและสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้ ถ้าแก้ไขปัญหาต้นเหตุไม่สำเร็จก็จะมีปัญหากระทบไทยปีแล้วปีเล่าต่อไป ซึ่งกรรมาธิการเห็นว่าจะต้องมีกระบวนการสันติภาพเมียนมาในรูปทรอยก้าพลัส คือมีไทย ประธานอาเซียน จีน อินเดีย เข้าร่วมเป็นกลุ่มทรอยก้าพลัสในการผลักดันโรดแม็พการแก้ไขปัญหาสันติภาพในเมียนมาและขั้นตอนต่อไปนำทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายต่อต้าน ฝ่ายชนกลุ่มน้อย มาเจรจาหาทางออกในการยุติการสู้รบและสร้างสันติภาพ แม้ทางรัฐบาลเมียนมาบอกว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน ปี 68 ก็ยังต้องติดตามว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่และการเลือกตั้งนั้นจะครอบคลุมทั้งประเทศหรือไม่
“รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะประชุมกันเดือนนี้ที่เวียงจันทน์ ตนเสนอว่าอาเซียนต้องเปลี่ยนวาทกรรมเป็นการกระทำและต้องประเมินว่าแผนฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนนั้น มันยังใช้ได้อยู่หรือไม่ และควรมุ่งมั่นทำงานจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาเมียนมาให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยไปเรื่อยๆ เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน” นายนพดล กล่าว