ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ บล.กสิกรไทย รายงานหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางในวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่มาตรการ Uptick rule มีผลบังคับใช้ ก่อนจะร่วงลงแรงและหลุด 1,300 จุด ในเวลาต่อมา โดยมีปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดย เทคโนโลยี ไฟแนนซ์ และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค หลังจากประธานเฟดระบุว่า มีความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมาย แม้จะยังคงย้ำว่าต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ก่อนจะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนในหุ้นหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ก่อนการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2567 และรายงานข่าวความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อนึ่งแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงบางส่วนในสัปดาห์นี้
ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,311.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.85% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 31,665.77 ล้านบาท ลดลง 21.65 จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.07% มาปิดที่ระดับ 351.66 จุด
สัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของ บจ.ไทย ประเด็นการเมืองในประเทศและทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มิ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มิ.ย. ของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มิ.ย. ของญี่ปุ่น