เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 คือ วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ว่า แม้การอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ โดยโฟกัสที่สนามบินนานาชาติ แต่หากพิจารณาจะเห็นว่า เป็นการทำตามนโยบายแรกเริ่มของรัฐบาลที่เน้นเรื่องทุนเป็นหลัก เห็นได้จากข้อเสนอของรัฐบาล 8 ข้อควบคู่การปรับแก้ไขร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เข้าสู่สภา ทั้งอยากผ่อนคลายนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 ครั้งนั้นทางเครือข่ายฯ ไม่เคยเห็นด้วย เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ และเสียชีวิต ชัดเจนจากผลการศึกษาของ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ประธานคณะทำงานวิชาการ ภายใต้อนุกรรมการวิชาการ คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าการขยายเวลาเปิดผับบาร์ส่งผลกระทบอุบัติเหตุ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
“จากผลกระทบที่ผ่านมา ล่าสุดรัฐบาลยังยกเลิกห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่ ซึ่งมีเพียง 5 วัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นโยบายรัฐบาลชัดเจน เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นนโยบายที่เอื้อให้นักท่องเที่ยวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยง่าย และเป็นการอำนวยความสะดวก เพราะเห็นว่าต่างประเทศทำ ทั้งที่ความจริง บางประเทศก็มีการห้าม อย่างสวีเดน ก็ห้ามขายวันอาทิตย์” นายธีระ กล่าว
ที่กังวลคือ จะมีการขยายพื้นที่อื่นหรือไม่ เห็นได้จากการรถไฟ ยังเสนอขอผ่อนปรนด้วย ซึ่งไม่ควรมีข้อเสนอเหล่านี้ออกมาจากทางการรถไฟเลย ต้องถามกลับไปว่า ลืมแล้วหรือไม่ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์สลดทั้งประเทศ ที่คนเมาก่อเหตุล่วงละเมิดเด็กหญิงและโยนออกจากรถไฟจนเสียชีวิต จนนำมาสู่มาตรการควบคุมต่างๆ เรื่องแบบนี้การรถไฟควรเสนอให้ผ่อนปรนอีกหรือ ทั้งนี้ สำหรับผลกระทบ ข้อมูลขณะนี้พบว่า 1.8 ล้านคนต้องรับการบำบัดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งอุบัติเหตุ และป่วยกว่า 2 หมื่นคนต่อปี อีกทั้งยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายสุขภาพ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำงานเพิ่มขึ้น ประเด็นคือ อย่ามองแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าธรรมดา
ด้านนายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวว่า ที่ต้องระวังคือ กรณีข้อเสนอของการรถไฟ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทางเครือข่ายทั้งหมดไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง มีความกล้าได้อย่างไรที่จะให้ดื่มเหล้าเบียร์ในรถไฟได้ และมาอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่ผ่านมามีกรณีเหตุการณ์เศร้าใจที่เด็กหญิงถูกคนเมาล่วงละเมิดและทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ เครือข่ายจะรวบรวมข้อมูลผู้ใช้บริการรถไฟ ถึงมาตรการที่การรถไฟเสนอขอผ่อนปรนขายเหล้าเบียร์ว่า คิดเห็นอย่างไร แม้พวกคุณจะบอกว่ามีข้อมูลป้องกัน แต่ถามว่าจากอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่การขยายเวลาเปิดผับบาร์ มาตรการป้องกันต่างๆ ทำได้จริงกี่เปอร์เซ็นต์ อันนี้คือของจริง ที่ขอความร่วมมือทำไม่ได้จริงเลย มีแต่อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 100 กว่าเปอร์เซ็นต์ มีคนเจ็บคนตาย นี่คือสิ่งที่ต้องทบทวน ไม่ใช่มาเสนอขอผ่อนปรนขายเหล้าเบียร์เพิ่มอีก ถ้าทำแบบนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เป็นการรุกคืบขยายโอกาสให้นายทุนหรือไม่ เพราะถ้าอนุญาตให้การรถไฟจำหน่ายเหล้าเบียร์ได้ ถึงที่สุดจะมีคนเข้าไปขอสัมปทาน แบบนี้ชัดเจน ขอให้รู้สึกอายกันบ้าง ไม่ควรมีข้อเสนอแบบนี้ ทางเครือข่ายฯจะนำข้อมูลและจะไปหาไปทวงถามกระทรวงคมนาคม และการรถไฟอย่างแน่นอน.