เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่ากองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้ติดตามสภาพอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (11/2564) ลงวันที่ 8 ก.ค. 64 เวลา 11.00 น. แจ้งว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบน ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้นทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 – 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
นายบุญธรรม กล่าวว่า กอปภ.ก. โดย ปภ. ได้ประสาน 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตก เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 9-13 ก.ค. 64 แยกเป็น สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ดังนี้ ระนอง (อำเภอละอุ่น และอำเภอกะเปอร์) พังงา (อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอคุระบุรี) ภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต อำเภอกะทู้ และอำเภอถลาง) กระบี่ (อำเภอเขาพนม อำเภอปลายพระยา และอำเภอลำทับ) ตรัง (อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง อำเภอย่านตาข่าว อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอปะเหลียน และอำเภอวังวิเศษ) สตูล (อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง อำเภอมะนัง และอำเภอทุ่งหว้า) ส่วนสถานการณ์คลื่นลมแรง ดังนี้ ระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ และอำเภอสุขสำราญ) พังงา (อำเภอเกาะยาว อำเภอตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอคุระบุรี และอำเภอท้ายเหมือง) ภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต อำเภอกะทู้ และอำเภอถลาง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ อำเภออ่าวลึก อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา) ตรัง (อำเภอกันตัง อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอหาดสำราญ) สตูล (อำเภอเมืองสตูล อำเภอละงู อำเภอมะนัง และอำเภอทุ่งหว้า)
นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า ยังได้สั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พร้อมจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤติ (ERT) รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย ประสานการปฏิบัติร่วมกับ หน่วยงานพลเรือน ทหาร ตำรวจ เครือข่ายอาสาสมัคร และจิตอาสาเตรียมพร้อมทรัพยากรให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
นายบุญธรรม กล่าวด้วยว่า รวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้เข้าถึงประชาชนรวดเร็วและทั่วถึง โดยใช้อุปกรณ์เตือนภัยในพื้นที่ ทั้งหอเตือนภัย หอกระจายข่าว และเครื่องรับสัญญาณเตือนภัยผ่านดาวเทียม อีกทั้งสร้างการรับรู้และแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยผ่านทุกช่องทาง ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอเตือนภัย และหอกระจายข่าวตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปิดสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเลให้เข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเล โดยเพิ่มการติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนภัยบริเวณชายฝั่งทะเล จัดเตรียมเครื่องมือประจำเรือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำให้พร้อมใช้งาน อีกทั้งหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง.