เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่สำนักงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.(วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า วันเดียวกันนี้มีการประชุม กอ.รมน.ได้มีการพูดคุยกันถึงนโยบายที่ได้มอบหมายไป คือเรื่องที่ดินทำกินของกองทัพที่มอบให้กับประชาชน เรื่องคนไร้ที่พึ่ง เรื่องการเกณฑ์ทหารด้วยระบบสมัครใจ เรื่องผู้ป่วยจิตเวชจากปัญหายาเสพติดที่กองทัพได้ช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของน้ำท่วม และน้ำแล้ง รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM 2.5 แม้ปีนี้จะหมดไปแล้ว แต่ก็ขอให้เตรียมพร้อมสำหรับปีหน้า รวมทั้งสั่งการให้ดูแลในเรื่องของที่ดินทำกินให้มากขึ้น อีกทั้งประเทศเรากำลังเข้าสู่ฤดูฝน ขอให้ดูในเรื่องของการป้องกันน้ำท่วม ในการดูแลประชาชน
นายกฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องหลักที่เรามาประชุมกันในวันนี้ คือเรื่องปัญหายาเสพติด เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งได้มีการประชุมติดตามและลงพื้นที่ ทางภาคอีสานและภาคเหนือ โดยรัฐบาลจะใช้จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดน่านเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาให้เป็นจังหวัดสีขาวโดยปราศจากยาเสพติดภายใน 3 เดือน จึงขอให้บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพ ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดออกจากสังคมไทย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่อยากให้ใช้คำว่า ลุยปราบ แต่เราต้องมีแผน และยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานทั้งการจับกุม ต้องหาเบาะแสทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย จะต้องปราบให้สิ้นซาก รวมทั้งการเข้มงวดกวดขันตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นแถบเมียนมาและสปป.ลาว
เมื่อถามถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันก็เริ่มดีมากขึ้น สามารถจับกุมได้เยอะ ทั้งเรื่องยาเสพติดและของเถื่อน
เมื่อถามต่อว่า ปัญหาการลำเลียงยาเสพติดผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ จะมีการขอความร่วมมือกับบริษัทเอกชนอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการลงไปแล้ว ให้มีการตรวจจับ แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องของการแจ้งเบาะแสมากกว่า ถ้าจุดไหนเราทราบก็สามารถไปดำเนินการสกัดจับได้ ซึ่งเชื่อว่า ป.ป.ส.ก็กำลังดำเนินการและพยายามประสานกับภาคเอกชนอยู่.