น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จะพยายามรักษาอันดับของประเทศไทยให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนให้เหนือกว่าญี่ปุ่น เพราะตอนนี้ต้องเข้าใจว่าสถานกาณ์ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น มีปัจจัยค่าเงินเยนอ่อนค่ามาสนับสนุน สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน จะเห็นได้จากนักท่องเที่ยวไทยนิยมเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำ
โดย ททท. จะโฟกัสดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ตามเป้าหมายอย่างดีที่สุด คาดว่าน่าจะได้ 36.7 ล้านคนในปีนี้ ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ส่วนรายได้ก็ต้องเดินหน้าทำให้เต็มที่เพื่อไปให้ถึงเป้ารายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท ถ้าเรายังสามารถรักษาแรงส่งด้านการจับจ่ายท่องเที่ยวไว้ได้ที่ 50,000 บาทต่อคนต่อทริป ก็ถือว่าน่าพอใจ
ส่วนปี 68 ททท. มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 40 ล้านคน โดยในการประชุมแผนบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 68 เร็ว ๆ นี้ จะหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนนิยามของคำว่านักท่องเที่ยวคุณภาพ จากเดิมนิยามไว้ว่านักท่องเที่ยวคุณภาพ คือ กลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ซึ่งจากการวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในปัจจุบันน่าจะเหลือใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว 10% ของรายได้ หรือคิดเป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีเท่านั้น ทำให้ ททท. ต้องเปลี่ยนนิยามของนักท่องเที่ยวคุณภาพว่าเป็นคนรวยสองด้าน ด้านแรก คือ รวยด้วยพฤติกรรมการใช้จ่าย กินหรูอยู่ดี และรวยด้วยจิตสำนึก รักษาสิ่งแวดล้อม
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 67 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่นสะสม 14,641,500 คน ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 14,760,911 ล้านคน หรือห่างกันเพียง 1.2 แสนคน ดังนั้นตลอดปี 67 คาดการณ์ว่าทั้งสองประเทศจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูสีกัน อย่างญี่ปุ่นก็มีเสน่ห์ในแบบของเขาที่ดึงดูดคนไปเที่ยวจำนวนมาก และมีปัจจัยสนับสนุนเรื่องเงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 38 ปี ทำให้ชาวต่างชาติแห่เดินทางเข้าไปจับจ่าย ส่วนไทยก็มีจุดขายเรื่องความหลากหลาย
“ผมพูดเสมอว่าจะทำอย่างไรเพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย หากสามารรถยกระดับความปลอดภัยเหมือนญี่ปุ่น ใครก็อยากไป รวมถึงความสะอาด โครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า และการเดินทางท่องเที่ยวสะดวกสบาย เพราะรถขนส่งสาธารณะที่เชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยว” นายศิษฎิวัชร กล่าว