สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ว่า พญ.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ( ซีดีซี ) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าสถิติผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว จากจำนวนดังกล่าว 93% พบในเขตที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อยกว่า 40%
ขณะเดียวกัน 99.5% ของผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้านนายเจฟฟ์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานคณะทำงานตอบสนองต่อโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันกระจายกำลังทีมงานเฉพาะกิจลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อร่วมยกระดับการตอบสนองต่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลตา และการบริหารจัดการให้บุคลากรการแพทย์ทั่วสหรัฐสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
อนึ่ง ในสัปดาห์นี้ซีดีซียังเผยแพร่รายงานอีกฉบับหนึ่ง ว่าตอนนี้เชื้อเดลตากำลังเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ โดยผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการเฉพาะทางตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ล่าสุด จนถึงวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า 51.7% ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ติดเชื้อเดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย ส่วนสัดส่วนการพบผู้ป่วยจากเชื้ออัลฟา ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร ลดลงเหลือ 28.7%
ทั้งนี้ พญ.วาเลนสกีขอให้ประชาชนซึ่งมีอาการป่วย "ต้องสงสงสัย" หรือเข้าข่ายว่าจะเป็นโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ขอให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส.
เครดิตภาพ : REUTERS