ทั้งอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณ พรรคเพื่อไทย ทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้า พรรคก้าวไกล กำลังวิ่งสู้ฟัดเอาตัวรอดจากภาวะ นิติสงคราม โดยเฉพาะในความผิด จากคดี ม.112 ซึ่งยังมีเยาวชนมากมายที่โดนคดีนี้ เช่น อานนท์ นำภา ที่ถูกตัดสินจำคุกกว่า 9 ปี บางคนถูกสั่งจำคุก 50 ปี ก็มี

พรรคก้าวไกลที่โดน กกต.ฟ้องต่อศาล รธน.ให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ กก.บริหาร ในความผิดฐานล้มล้างการปกครองนั้น กกต.เล่นง่าย ด้วยการเอาคำตัดสินศาล รธน.ที่วินิจฉัยว่า การหาเสียงแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการยกพฤติกรรมแวดล้อมมากมาย เช่น นายพิธาไปติดสติกเกอร์ในโพล เป็นต้น โดยก่อนถึง 12 มิ.ย. 67 ที่ศาล รธน.นัดฟังว่า จะตัดสินคดีนี้เมื่อไหร่ ศาลออกแถลงการณ์ ห้ามคู่กรณีออกมาพูดชี้นำ

แต่พรรคก้าวไกลก็สู้ยิบตา ทำไมจะไม่สู้ล่ะ พรรคก้าวไกลยื่นนโยบายหาเสียงแก้ไข ม.112 ให้ กกต. ตรวจสอบตาม รธน.กำหนด กกต.ไม่ได้ห้ามหรือบอกทำไม่ได้ เป็นการล้มล้างการปกครองเลย พรรคก้าวไกลเห็นว่าผ่าน กกต.ก็เดินหน้าหาเสียง ถ้าจะผิด กกต. ควรผิดด้วยสิ แต่ที่สุด กกต.กลับมาฟ้องร้องพรรคที่ตัวเองอนุมัติแล้วอีก เป็นธรรมหรือ

9 ข้อที่นายพิธานำรายละเอียดมาแถลงต่อสู้ข้อกล่าวหาของ กกต. เมื่อ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา เช่น ยืนยันคำวินิจฉัย เมื่อ 31 ม.ค. 2567 ของศาล รธน.ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้ ยืนยันว่าคดีนั้นเมื่อศาลสั่งให้เลิกการกระทำ พรรคก้าวไกลก็หยุดทันที เป็นต้น ส่วนข้อต่อสู้อื่น ๆ สื่อนำเสนอไปหมดแล้ว หาอ่านได้เลย ที่น่าสนใจคือ ที่นายพิธา บอกว่า กกต.ไม่เคยเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้ชี้แจงหรือแสดงหลักฐานเพิ่มเลย ทั้งที่ระเบียบมีอยู่ อ้างว่า หลักฐานสมบูรณ์แล้ว (ก็นะ ทีคดียุบ พรรคภูมิใจไทย กรณี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาฯ พรรค บริจาคเงินไม่ชอบให้พรรค ซึ่งศาล รธน.ชี้ว่า มีมูล กกต.กลับใจดีซะเหลือเกิน บอกหลักฐานยังไม่พอ ต้องหาหลักฐานเพิ่มอีก)

ยุติธรรม แค่ไหน สาธุชนลองตรองดูเถอะ

แต่จะสู้แค่ไหนก็ตาม โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะรอดเงื้อมมือ “นิติสงคราม” คือศูนย์ เมื่อพรรคนี้กลายเป็นปิศาจตัวใหม่ที่ฝ่ายอนุรักษ์เห็นว่า เป็นภัยคุกคามใหญ่ การยุบพรรค คือการตัดตอนให้ภัยสะดุดหรือทำลายล้างให้หมดสิ้นไป เช่นที่ ไทยรักไทย เคยถูกจัดเป็นภัยคุกคาม แม้ได้รับเลือกถึง 19 ล้านเสียง มากสุดตั้งแต่ไทยมีการเลือกตั้งมา ฝ่ายอนุรักษ์ก็ไม่รั้งรอจะยุบทิ้ง แล้วยุบต่อมาถึงพรรคพลังประชาชน พรรคอนาคตใหม่ และกำลังจะยุบพรรคก้าวไกล

ความคิดนี้ ยังดำรงเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง?!?

หันมาดู คดี ม.112 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ใครคิดว่า เมื่อโดนคดีนี้ ทักษิณจะเงียบสงบ กลับตรงข้าม ล่าสุดไปงานบวชลูกชาย นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรี ปทุมธานี พร้อม อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยัน 18 มิ.ย.ที่อัยการสูงสุดนัดนำตัวส่งฟ้องศาลคดี ม.112 ไม่หนีแน่ “คดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าตอนปฏิวัติยัดข้อหาอย่างไร คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีมูลแม้แต่นิดเดียว แต่พยายามนำไปตีความเพื่อให้มันมีมูล เมื่อคนหนึ่งสั่งฟ้อง คนอื่นก็ไม่กล้าสั่งไม่ฟ้อง แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้พิษ มีการข่มขู่ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนจากผู้บังคับบัญชา คดีนี้ไม่ควรเป็นคดี” ดูแล้วพูดแบบมั่นใจ และปฏิเสธไม่ได้ดีลกับใคร

จะว่าไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทักษิณโดนคดีล้มเจ้า เคยโดนมาทั้ง ปฏิญาณฟินแลนด์ ตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี โดนอยู่ใน ผังล้มเจ้า โดนข้อหา เหิมเกริม ทำพิธีในวัดพระแก้ว กระทั่งที่สุด คดี ม.112 ซึ่งมีข่าวทักษิณจะยื่นขอความเป็นธรรมซ้ำอีกครั้ง ก็ต้องคอยดู จะยืดเวลาได้อีกเท่าไหร่

แต่ถึงที่สุด หากสิ่งที่ตัวเองโดนกระทำอยู่นี้ ถ้าเกิดจากต้นไม้พิษ เราไม่เชื่อหรอก ลุงในป่าจะมีฤทธิ์ขนาดนั้น แล้ว ทำไมพรรคเพื่อไทยไม่ช่วยถอนต้นไม้พิษนี้ทิ้งเสีย คนอื่นจะได้ไม่ต้องกินผลไม้พิษซ้ำซาก แต่นี่ไม่ใช่แค่ยอมเป็น “นั่งร้าน” ให้ ยังช่วยรดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้พิษเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก หรือจะเป็นอย่างที่ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ สรุป คนอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นแค่นักธุรกิจการเมือง ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรเลย

หากสุดท้ายประวัติศาสตร์จะบันทึกเช่นนั้นจริง ก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง.

………………………………….
ดาวประกายพรึก

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…