เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุม น.ส.สมพร หรือ “อุ๊ย บ้านนา” อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ 29/2567 ลงวันที่ 29 มี.ค. 67 ฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยบ้านสวน-หนองข้างคอก 8 ซอย 5 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี หลังหลบหนีมาเช่าห้องเพื่อหลบพัก

เนื่องจากสืบนครบาล IDMB ประสานกับ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ช่วยทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตระเวนก่อเหตุใช้กลอุบายหลอกช่วยเหลือหญิงชราระหว่างเดินทาง เมื่อสบโอกาสเหยื่อตายใจนึกว่าเป็นคนดีจะช่วยเหลือ กลับข่มขู่ชิงเอาทรัพย์สินหลบหนี และร่วมกันก่อเหตุอ้างสวดสะเดาะเคราะห์ให้มีโชคลาภ ถูกหวย ค้าขายร่ำรวย ก่อนถอดจีวรทิ้ง หอบเงินร่วมแสนหลบหนี โดยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง จากการสืบสวนพบว่า หนึ่งในคนร้ายที่ร่วมในการก่อเหตุซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี และเชื่อว่าตระเวนก่อเหตุกับพวกอย่างต่อเนื่อง คือ น.ส.สมพร หรือ “อุ๊ย บ้านนา” และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง กระทั่งชุดสืบนครบาลติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้

สอบสวน น.ส.สมพร ให้การภาคเสธ โดยบอกว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุ มีคนรู้จักใช้ให้ขับรถยนต์ให้ และคนรู้จักได้ข่มขู่เอาทรัพย์สินของหญิงชราจนได้มา ก่อนจะปล่อยให้หญิงชราลงจากรถ ตนได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ตนเกรงจะถูกจับกุมจึงได้หลบหนีออกจากบ้านที่อำเภอบ้านนา ก่อนจะมาถูกจับกุมในพื้นที่ จ.ชลบุรี

เมื่อสอบถามถึงคดีที่ร่วมกันกับพวก ก่อเหตุปลอมเป็นพระระดับเจ้าอาวาส หลอกแม่ค้าเอาเงินใส่ห่อ อ้างสวดสะเดาะเคราะห์ ให้มีโชคลาภ ถูกหวย ค้าขายร่ำรวย ก่อนถอดจีวรทิ้งหอบเงินร่วมแสนหลบหนี น.ส.สมพร ให้การว่า ตนไม่ได้อยู่ในขบวนการ แต่คนรู้จักที่เคยใช้ให้ตนขับรถยนต์ให้นั้น อาจจะเกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การ

จากการตรวจสอบข้อมูล น.ส.สมพร พบประวัติการกระทำความผิดมาแล้วหลายคดีในหลายท้องที่ อาทิ “ขายสลากกินแบ่งเกินราคา, ยิงอาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้เพื่อเก็บ” ท้องที่ สภ.บ้านนา “ร่วมกันฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.คลองขลุง ภ.จว.กำแพงเพชร ก่อนจะมาก่อเหตุตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง “ร่วมกันชิงทรัพย์ และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว” กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว