นักมานุษยวิทยาเคยวิเคราะห์สังคมไทยเป็น สังคมลิเก โดยมองผ่าน ลิเกไทย ว่า พระเอกพิมพ์นิยม ต้องอ้อนแอ้นอรชร จีบปากจีบคอ ร่ายรำพลิ้วทั้งตัว ไม่ล่ำบึ้กกล้ามเป็นมัด ๆ หรือแมน ๆ แข็งแรง แบบสากล กลายเป็นความย้อนแย้ง จึงไม่แปลกที่คนสอนสมาธิ สวดมนต์ภาวนา ออกมาเรียกร้องให้เข่นฆ่าคนเห็นต่างอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่ สว.ลากตั้ง สมชาย แสวงการ เป็น สว.ลากตั้งมา 18 ปี โอ มายก็อด…ออกมาแสดงความห่วงใย การเลือก 200 สว.ใหม่ ว่า มีการบล็อกโหวต มีขบวนการจ้างวานลงสมัคร สว.ที่ได้มา จะไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม พร้อมปล่อย 149 รายชื่อในข่ายนี้ ใครอยู่ใน 149 ชื่อที่ว่า ก็ซวยไป จริงไม่จริง ไม่รู้ น้ำโคลนสาดเน่าไปแล้วครึ่งตัว

ความห่วงใยนี้ คงมีคุณค่าดีอยู่หรอก หากที่มาตัวเองบริสุทธิ์ ผุดผ่อง เป็นธรรม โปร่งใส ไม่หวังสืบทอดอำนาจต่อ แต่อย่างที่รู้ สว.ลากตั้งชุดนี้ มายังไง คสช.ตั้งกรรมการสรรหากับมือ เลือกเอง จิ้มเอง แล้ว สว.ก็มาเลือกคนตั้งเป็นนายกฯตอบแทน แล้วอย่างนี้หรือห่วงใย 200 สว.ชุดใหม่ ไม่โปร่งใส ประเทศเสียหาย ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ความดี แต่ตัวเอง อนิจจาลิเกหรือไม่ ก็คิดดู “วงจรอุบาทว์การเมืองไทย” ก็ลิเกไม่ต่างหรอก ทำแล้ว ประเทศมีแต่ทรุดลง ๆ

กลับมาเรื่องที่ “ต้องเขียน” ถึงดีกว่า เมื่ออดีตนายกฯ 2 สมัย นายอานันท์ ปันยารชุน ที่นักข่าวยกเป็น “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” ไปพูดในงานเสวนากลุ่ม อีลิท อนุรักษนิยม เจ้าสัวใหญ่ เซเลบ ไฮโซ ในหัวข้อ “ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย” ในวาระครบ 50 ปีสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนของ นายมีชัย วีระไวทยะ หรือ มีชัย สายรุ้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายอานันท์ พูดยาวน่าสนใจทุกประเด็น แต่คงย่อสรุปมาให้เท่าที่มีพื้นที่และสำคัญ นายอานันท์ บอกว่า สังคมไทยเสื่อมมาเรื่อย เพราะหูเบา เชื่อง่าย อิจฉาริษยา อาฆาตมาดร้าย อยากสืบทอดอำนาจ ไม่คิดแบ่งปัน หวงแหนสิ่งที่ตัวเองมี เมืองไทยยังไม่มีประชาธิปไตย แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง ไม่ใช่ประชาธิปไตยจอมปลอม รัฐประหาร เขียนรัฐธรรมนูญ แล้วเลือกตั้ง ตอนนี้ สถาบันบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ มีแต่ความไม่น่าเชื่อถือ คนไม่ไว้ใจ ทุกสังคมจะมีฉากทัศน์ที่ดีได้ ไม่ใช่มีคนรวยมากสุด แต่อยู่ที่สังคมนั้นมีความสุข มีความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ คนมีความหวัง

“ผมเศร้าแทนประเทศ เราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เด็กเมืองไทย เข้าคุกประจำ สนุกมากนักหรือจับเด็กเข้าคุก เห็นเด็กไม่ได้รับการประกันตัว ทีตัวเองโกงกินไม่ละอายใจ ไม่มีหิริโอตตัปปะ สนุกได้อย่างไร ผมไม่ได้ว่าเด็กทำถูกทุกอย่าง แต่ในครอบครัวผม ถ้าเด็กทำผิด ลูกไม่ดี ก็เรียกมาสั่งสอน จับอยู่ในห้อง 24 ชม. แต่นี่เราจับเด็กเข้าคุกนะ แล้วเห็นเป็นของสนุก เห็นว่าเป็นธรรม เราจะเห็นสังคมที่มีความสุขได้อย่างไร ถ้าสังคมไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง อย่างน้อยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นสิทธิมนุษยชน เช่นเดียวกับสิทธิเรื่องการศึกษา เรื่องสุขภาพ เสรีภาพในการชุมนุม…”

สำหรับเราแล้ว นี่เป็นการพูดที่ตรึงใจ สะกดคนทั้งห้องจนตกในภวังค์ ใด ๆ คือ สมญา ผู้ดีรัตนโกสินทร์ ไม่ได้มาง่าย ๆ แต่สะท้อนตัวตนนายอานันท์ที่เป็นผู้ดีเก่า มีชาติตระกูล มีอำนาจ บารมี อยู่ส่วนบนของสังคม ในวัย 90 ปี ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เตรียมมาสะท้อนความในใจถึงที่สุด ข้อสำคัญเป็นการพูดหลัง บุ้ง ทะลุวัง น..เนติพร เสน่ห์สังคม ผู้ต้องหาคดี ม.112 เสียชีวิตที่ รพ.กรมราชทัณฑ์จากการอดอาหารประท้วงไม่นานนี้ ขณะยังมีเยาวชนอีกนับร้อย โดนคดี ม.112 และหลายคนอยู่ในคุก เช่น อานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวการเมือง ที่ลูกยังอ่อนเยาว์มาก

ต้องบอก คนอย่าง นายอานันท์ไม่หวังผลลาภยศสรรเสริญตำแหน่งแห่งหนทั้งสิ้นแล้ว ไม่หิวแสง หิวสี ผ่านโลก ผ่านการเปลี่ยนผ่านมาโชกโชน ถูกหาเป็นคอมมิวนิสต์ ก็โดนมาแล้ว นี่จึงอาจเป็นการพูดครั้งสุดท้าย พูดด้วยความหวังดีและห่วงใยประเทศชาติอย่างสุดใจ ขณะการเมืองไทยเข้าสู่ Killing zone โซนสังหาร พ.ร.บ.นิรโทษกรรมรวมคดี ม.112 จะทำได้หรือไม่ เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ถูกอัยการสูงสุดเตรียมนำตัวฟ้องศาลคดี ม.112 วันที่ 18 มิ.ย.นี้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จะถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนหรือไม่ ก้าวไกล จะถูกยุบพรรคหรือไม่ 6 มิ.ย.นี้ ?!?

คำพูดนายอานันท์ จะสะกิดต่อมผู้มีอำนาจให้ฉุกคิดได้แค่ไหนหรือจะไร้ความหมายสิ้นเชิง คอยดูกัน.

……………………………………
ดาวประกายพรึก

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่..