เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการติดตามกระบวนการเลือก สว. ที่มีประเด็นโพยก๊วนฮั้วเลือก สว.ว่า กรณีดังกล่าวเชื่อว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฐานะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการเลือก สว. จะติดตามผ่านกระบวนการติดตามตรวจสอบ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งตนมองว่าการกล่าวหาดังนั้นไม่ควรกล่าวอ้างแบบลอยๆ โดยควรมีหลักฐานมาแสดง หรือบุคคลที่อยู่ในการเลือก สว. นั้นออกมายอมรับเอง อย่างไรก็ดี ตนมองว่าประเด็นที่เกิดขึ้นซึ่งพูดโดยไม่มีหลักฐานอาจมีเจตนาที่ส่งผลให้เกิดกระบวนการล้มกระดานการเลือกสว.  ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้ เพราะถึงเวลาต้องเปลี่ยน สว.แล้ว แต่เปลี่ยนไม่ได้ อีกทั้ง รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติจำกัดวาระของวุฒิสมาชิกไว้ แต่หากประกาศ สว.ใหม่ไม่ได้ คนเก่าอยู่ต่อบ้านเมืองอาจจะวุ่นวายได้

นายเสรี กล่าวต่อว่า สำหรับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มี สว. ผ่านการเลือกกันเองและมีการจ่ายเงินค่าสมัคร ดังนั้นใครที่สมัครเข้าไปสู่กระบวนการเพื่อไปเลือก หรือสมัครไปโหวตนั้น ตนมองว่าสามารถทำได้โดยไม่ผิดกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ยกเว้นพบการกระทำที่มีการใช้เงินว่าจ้าง หรือ ใช้เงินซื้อคะแนนโหวต ซึ่ง กกต.ต้องจัดการกับผู้ที่ทำผิด

“ผมมองว่าที่เปิดประเด็นการฮั้วเลือก สว. หากมีหลักฐานต้องเอาผิด และ กกต.ต้องทำให้เรียบร้อย ส่วนไทม์ไลน์ที่ กกต. วางไว้ว่าจะประกาศ สว.ใหม่ ใน 2 ก.ค. นั้น ผมสนับสนุนให้ประกาศไปก่อน หากมีประเด็นต้องตรวจสอบหรือเอาผิด สามารถย้อนหลังได้ เพราะเข้าใจว่ากระบวนการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมกว่าจะได้ข้อเท็จจริงปรากฏเป็นข้อยุติ” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีผู้ระบุว่า หากการเลือก สว.ส่อทุจริตให้ กกต.ระงับการรับรองผลเลือก สว.ไปก่อน และมองว่าหาก กกต.เร่งประกาศไปก่อนอาจจะเป็นการกระทำที่ส่อผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ตนมองว่าเป็นเจตนาที่ต้องการข่มขู่ กกต.แบบรายวัน เพราะตามกฎหมายแล้ว กกต.มีดุลพินิจ และรัฐธรรมนูญให้สิทธิ กกต.ตัดสินใจ ซึ่งตนมองว่าไม่ว่าใครต้องยอมรับในหลักการและกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 

เมื่อถามว่า กมธ.การเมืองฯ จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า กมธ.การเมืองประชุมเท่าที่จำเป็น แต่ไม่ได้ติดตามการเลือก สว. เพราะเขาห้ามให้ สว.เข้าไปยุ่งเรื่องดังกล่าว เพราะหากไปยุ่งอาจจะมีประเด็นประโยชน์ทับซ้อนได้ 

นายเสรี กล่าวด้วยว่า สำหรับกระบวนการเลือก สว.ที่เกิดขึ้นก่อนการลงคะแนนเลือกระดับอำเภอ ส่วนตัวมองว่ามีความโกลาหลพอสมควร โดยเฉพาะกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ เช่น การเสียสิทธิของผู้สมัครเพราะคุณสมบัติไม่ครบถ้วน บางอำเภอมีผู้สมัครเพียงรายเดียวทำให้เลือกไขว้ไม่ได้ ส่วนประเด็นที่ว่ามีการฮั้วหรือจัดตั้งนั้น หากมีหลักฐานการใช้เงินว่าจ้างสมัครต้องดำเนินคดีเป็นรายบุคคล แต่ไม่ควรล้มกระดานการเลือก สว.ทั้งหมด ซึ่งในกระบวนการล้มกระดานนั้น อาจทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนได้ เพราะอาจมีคนที่ชอบและไม่ชอบให้อยู่ยาว.