สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ว่า ชายผิวสี 3 คน ได้แก่ นายอัลวิน แจ็คสัน, นายเอ็มมานูเอล ฌอง โจเซฟ และนายซาเวียร์ วีล ยื่นฟ้องอเมริกัน แอร์ไลน์ส หลังถูกไล่ลงจากเที่ยวบินที่กำลังออกเดินทางจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ไปยังนิวยอร์ก เนื่องจากพนักงานต้อนรับอ้างว่าพวกเขา “กลิ่นตัวเหม็น”

“อเมริกัน แอร์ไลน์ส ไล่พวกเราออกมาเพราะเราเป็นชายผิวสี ทำให้เราอับอายและขายหน้า” ชายทั้งสามคนระบุในแถลงการณ์ร่วม

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สายการบินได้ระบุว่า กำลังดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งไม่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของสายการบิน ที่อ้างอิงจากคำฟ้องต่อรัฐบาลกลางที่ยื่นโดยชายทั้ง 3 คน พวกเขาระบุว่า ทุกคนกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบิน เพื่อออกเดินทางจากเมืองฟีนิกซ์ แต่ลูกเรือเดินเข้ามาหาพวกเขา และขอให้ลงจากเครื่องบิน ซึ่งขณะนั้น เขาสังเกตเห็นชายผิวสีทุกคน ถูกพาออกมา อย่างไรก็ตาม บนเที่ยวบินก่อนหน้าซึ่งมุ่งหน้าสู่นครลอสแอนเจลิส ชายผิวสีทุกคนสามารถออกเดินทางโดยไร้อุปสรรค

เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงหน้าประตูทางออกขึ้นเครื่อง ตัวแทนของสายการบินได้แจ้งว่า พวกเขาถูกพาออกจากเครื่องบินเพราะ “พนักงานต้อนรับชายผิวขาวได้รับคำร้องเรียนเรื่องกลิ่นกาย จากผู้โดยสารท่านหนึ่ง” ผู้เสียหายให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ไม่มีคำอธิบายอื่น ๆ นอกจากสีผิวของเรา และมันชัดเจนว่านี่คือการเลือกปฏิบัติ”

ทั้งนี้ พนักงานของสายการบินพยายามหาเที่ยวบินใหม่ให้พวกเขา แต่ไม่มีเที่ยวบินใดที่เดินทางไปยังนครยิวยอร์กในคืนนั้น ท้ายที่สุด พวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปนั่งในเที่ยวบินเดิม

อเมริกัน แอร์ไลน์ส ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราให้ความสำคัญกับข้อกล่าวหาการเลือกปฏิบัติอย่างจริงจัง และเราต้องการให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่ดีเมื่อพวกเขาเลือกบินกับเรา” นอกจากนี้ “ทีมของเรากำลังตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจากข้อกล่าวหาครั้งนี้ ไม่ได้สะท้อนถึงค่านิยมหลัก หรือจุดประสงค์ของสายการบินในการดูแลทุกคน”

คำฟ้องได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายรออยู่ด้านนอกเครื่องบิน นักบินได้ประกาศแจ้งผู้โดยสารคนอื่น ๆ ว่าเกิดความล่าช้าเนื่องจากปัญหา “กลิ่นตัว” ซึ่งโจทก์แย้งว่า การกล่าวอ้างเรื่องกลิ่นนั้นเป็นเท็จ คำฟ้องระบุอีกว่า “ตลอดการเดินทางตั้งแต่ช่วงเวลาที่เพิ่งขึ้นเครื่องไปจนถึงตอนลงจอด ปฏิกิริยาของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชายผิวขาว ส่งผลให้โจทก์ต้องประสบกับความรู้สึกอับอาย, ขายขี้หน้า, วิตกกังวล, โกรธ และทุกข์ทรมานอย่างสุดซึ้ง”

“เมื่อได้กลับเข้าไปยังที่นั่งของตน หลังจากเที่ยวบินล่าช้าอย่างไม่มีเหตุผล พวกเขาเดินผ่านผู้โดยสารที่ส่วนมากเป็นคนผิวขาว ซึ่งส่วนใหญ่จ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธและความสงสัยอย่างเกินควร จึงทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น” คำฟ้องได้ระบุให้สายการบินจ่ายค่าเสียหายสำหรับ “ความชอกช้ำทางจิตใจ” ที่เหล่าชายผิวสีต้องเผชิญ

โจเซฟ กล่าวถึงประสบการณ์ความแปลกแยก ที่ทำให้เขานึกถึงฮีโร่ด้านสิทธิพลเมืองของคนผิวสีอย่าง “โรซา พาร์กส” ที่ถูกบังคับให้ย้ายไปนั่งด้านหลังของรถบัสในรัฐแอละแบมา เมื่อปี 2498 เนื่องจากกฎหมายที่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ “มันเป็นเรื่องที่แปลกและบ้าบอที่ในปี 2567 เรายังต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้” เขาเสริมว่าการฟ้องร้องครั้งนี้มีความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าสายการบินจะไม่ดำเนินการลงโทษเพียงเล็กน้อย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 กลุ่มสิทธิพลเมือง “เอ็นเอเอซีพี” ได้ออกคำแนะนำให้ชาวอเมริกันผิวสีหลีกเลี่ยงการเดินทางกับอเมริกัน แอร์ไลน์ส เนื่องจากการเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ดี พวกเขาได้ยกเลิกคำแนะนำในปีถัดมา หลังสายการบินประกาศว่าได้ปรับปรุงการบริการแล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES